หน้าแรก news “อนุทิน” ปลื้ม! เพิ่มงบบัตรทองแตะ 3.8 พันบาทต่อหัว-มุ่งเป้าลดความแออัดใน รพ.-เสนอทำงานที่บ้านแก้ปัญหาฝุ่นพิษ

“อนุทิน” ปลื้ม! เพิ่มงบบัตรทองแตะ 3.8 พันบาทต่อหัว-มุ่งเป้าลดความแออัดใน รพ.-เสนอทำงานที่บ้านแก้ปัญหาฝุ่นพิษ

0
“อนุทิน” ปลื้ม! เพิ่มงบบัตรทองแตะ 3.8 พันบาทต่อหัว-มุ่งเป้าลดความแออัดใน รพ.-เสนอทำงานที่บ้านแก้ปัญหาฝุ่นพิษ
Sharing

มุ่งเป้าลดความแออัดใน รพ. ! “อนุทิน” เดินหน้าโครงการเจาะเลือดใกล้บ้าน เผย นำร่องแล้วที่ จ.นครปฐม

13 มกราคม 2563 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั้น กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารได้ร่วมประชุมภายใต้หัวข้อ “การพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์และเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญของรัฐบาล”

หลังการประชุม นายอนุทิน กล่าวว่า เพื่อเป็นการสร้างความพึงพอใจในการบริการดูแลให้ประชาชน ภายใต้แนวคิดลดความแออัดใน รพ. และลดระยะเวลาการรอคอย ล่าสุด เห็นว่าการเจาะเลือดคนป่วยนั้น สมควรต้องปรับให้มีความยืดหยุ่น ไม่จำเป็นต้องไปใช้บริการที่โรงพยาบาล แต่สมควรให้สถานบริการใกล้บ้าน อาทิ รพ.สต.เข้ามาแบ่งเบาภารกิจตรงนี้ ภายใต้การดูแลจากนักเทกนิคการแพทย์ทั่วประเทศ 1.9 หมื่นคน ควบคู่ไปกับการยกระดับการส่งข้อมูล แก่แพทย์เจ้าของโรค เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วย และลดภาระงานในโรงพยาบาล เพราะระบบเดิมนั้น ทราบมาว่า บางทีคนไข้ต้องรอเจาะเลือด และผลเลือดนานถึง 2-5 ชั่วโมง

“ในอนาคตจะจัดหาหน่วยบริการเคลื่อนที่เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องของการเจาะเลือก ส่วนการส่งตัวอย่างเลือดไปตรวจ ขอให้มั่นใจว่าเรามีวิธีการขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูง เพราะรักษาสภาพของตัวอย่างไว้อย่างดีที่สุด ไม่ให้ผลตรวจออกมาคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง”

ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวได้ปฏิบัติไปแล้วในพื้นที่จังหวัดนครปฐมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา โดยจังหวัดนครปฐม เป็นหนึ่งในพื้นที่กลุ่มโรงพยาบาลจตุรทิศซึ่งประกอบด้วย จ.นคนปฐม จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานีสมุทรปราการ และสมุทรสาคร โดยระหว่างการให้บริการได้มีการบันทึกปัญหาและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อพัฒนานโยบายต่อไป

ด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ทางหน่วยงาน มีภารกิจเกี่ยวกับการกำกับดูแลมาตรฐานห้องปฏิบัติการทางการแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประเทศ ได้หาแนวทางการลดความแออัดในโรงพยาบาล เราพบว่าการเจาะเลือดที่สถานบริการสุขภาพ คลินิกเอกชน หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ก่อนนัดพบแพทย์จะช่วยลดระยะเวลามารับบริการได้ โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้จัดทำคู่มือหน่วยบริการเจาะเลือด และแบบประเมินมาตรฐานในหน่วยเจาะเลือด นอกโรงพยาบาล รวมทั้งจัดอบรมแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อบูรณาการเดินหน้านโยบายข้างต้น

 

เผย เพิ่มงบบัตรทองแตะ 3.8 พันบาทต่อหัว ให้คำมั่นพร้อมดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า พ.ร.บ.งบประมานที่เพิ่งผ่านการพิจารณาไปนั้น มีการลดงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข จนอาจกระทบกับการให้บริการประชาชน ล่าสุดวันนี้ (13 มกราคม 2563) นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องเป็นกังวลเลย ส่วนที่ถูกตัดออกไปนั้น เป็นงบประมาณอันเกิดจากความล่าช้าในการก่อสร้างและการลงทุน อาทิ ผู้รับเหมาราคามาต่ำเกินไป ทำไม่ได้ ทิ้งงาน เป็นงบเหลือค้าง ก็ต้องตัดออกไป พอมันไปอยู่ในบัญชี ก็เหมือนถูกตัดงบ

บางทีเรื่องมันเกิดตามต่างจังหวัดกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปยุ่งไม่ได้เป็นเรื่องของจังหวัดนั้นๆ ต้องจัดการแต่ก็ติดเงื่อนกฎหมายบางอย่าง ต้องเข้าใจเขา แต่ถ้าเป็นตนใครมาทิ้งงาน ไม่รับผิดชอบ ต้องโดนใบเหลือง ใบแดง ต้องมีการลงโทษ

สำหรับเรื่องงบ สธ.ในความเป็นจริง ต้องบอกว่างบ สธ.เพียงพอกับการให้บริการประชาชน ตอนนี้งบบัตรทองรายหัวเราอยู่ที่ 3.8 พันบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยได้รับที่ 3.6 พันบาท ขอยืนยันว่าในการให้บริการเรื่องสุขภาพ ต่อให้งบมีขนาดไหน ถ้าต้องใช้ก็สามารถหาเพิ่มได้

 

ทำงานที่บ้าน ! “อนุทิน” เสนอแนวทางแก้ปัญหาฝุ่นพิษ จ่อคุยหลายหน่วยงาน หาทางปฏิบัติจริง

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังกล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่า มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโลก และพฤติกรรมของคนนี่เอง สิ่งที่ต้องคิดคือจะรับมืออย่างไร ตนเคยเสนอให้ทำงานที่บ้าน แล้วมีผู้ออกมาค้าน บอกว่าคนจะขี้เกียจ ไม่ทำงาน แต่จริงคนเราทำงาน ได้เงิน อยู่ที่ไหนเขาก็ทำ มันต้องกลับมาทบทวนเรื่องนี้กันใหม่ หน่วยงานเอกชน ท่านสามารถทำได้เลย ส่วนหน่วยงานราชการ ตนต้องไปหารือกับภาคส่วนอื่นๆก่อนว่าทำได้หรือไม่ ทำได้แค่ไหน ทั้งนี้ หน่วยงานที่เดินตามแนวทางนี้จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างไร ตนก็ต้องไปคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนตัวต้องการให้แนวคิดข้างต้นปฏิบัติได้จริง เพราะเป็นการเซฟสุขภาพประชาชนในหลายๆทางแน่นอน

นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขสำรองหน้ากากป้องกันฝุ่นพิษไว้แล้ว ประชาชนไปรับบริการได้ แต่หากใครมีกำลังทรัพย์จัดหาได้เอง ก็ขอให้บริการตนเอง เพราะภาครัฐ ไม่สามารถแจกจ่ายได้ครบทุกคน นอกจากนั้น แม้เราจะรับรักษาทุกความเจ็บป่วย แต่ประชาชนต้องตระหนักถึงการดูแลสุขภาพตัวเองบ้าง การออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง ต้องตรวจสอบค่าฝุ่น ว่าสมควรจะออกไปวิ่งหรือไม่


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่