หน้าแรก news เด็ดขาด ! กทม.สั่งปิด 437 โรงเรียน แก้ฝุ่นพิษ

เด็ดขาด ! กทม.สั่งปิด 437 โรงเรียน แก้ฝุ่นพิษ

0
เด็ดขาด ! กทม.สั่งปิด 437 โรงเรียน แก้ฝุ่นพิษ
Sharing

พ.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงข่าวมาตรการรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ของ กทม. ว่า จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในวันที่ 22 ม.ค. 2563 ลมยังพัดไม่แรง อากาศยังปิด ค่าฝุ่น PM 2.5 จะยังมีแนวโน้มสูงอยู่ ซึ่ง กทม.จะมีการออกมาตรการเร่งด่วน 4 มาตรการ คือ

มาตรการที่ 1 มาตรการเหลื่อมเวลาในการทำงานของบุคลากร กทม. ที่ทำงานในส่วนของสำนักงานหรือแบ็คออฟฟิศ จำนวน 20,000 คน ในศาลาว่าการกทม. เสาชิงช้า และศาลาว่าการกทม.

มาตรการที่ 2 ดินแดง เพื่อช่วยลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนนในช่วงเวลาเร่งด่วน ทำให้การจราจรมีความคล่องตัวขึ้น ติดขัดน้อยลง การแตะเบรกก็จะลดลง การเกิดมลพิษและฝุ่นควันก็ลดลงด้วย โดยให้เหลื่อมเวลาทำงานมาเป็นเวลา 10.00 – 18.00 น. แทน โดยยืนยันว่า ในส่วนของการบริการประชาชนตามสำนักงานเขตหรือทะเบียนราษฎร์ ยังคงให้บริการตามเดิม คือ เวลา 08.00-16.00 น. และหวังว่าจะเป็นต้นแบบให้แก่หน่วยงานอื่นๆ ดำเนินการ

ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า 2.มาตรการปิดสถานศึกษาสังกัด กทม. ทั้งหมด 437 โรงเรียน ในวันที่ 22 ม.ค. 2563 เป็นเวลา 1 วัน เพราะค่าฝุ่นยังมีแนวโน้มสูง เพื่อลดการออกมาสัมผัสฝุ่นละออง การทำกิจกรรมภายนอก ซึ่งยอมรับว่า โรงเรียนหลายๆ แห่งของ กทม.ก็ยังไม่มีเครื่องฟอกอากาศที่เพียงพอ และลดการใช้รถใช้ถนนในการออกมาโรงเรียนหรือส่งลูกมาโรงเรียนในช่วงเวลาเร่งด่วนให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อลดจำนวนรถยนต์ในช่วงเวลาเร่งด่วน ทั้งจากบุคลากร กทม.และการมาโรงเรียนแล้ว ก็เชื่อว่าจะช่วยในการลดค่าการเกิดฝุ่นจากยานพาหนะลงได้ ซึ่งฝุ่นควันจากไอเสียยานพาหนะยังเป็นปัจจัยหลักในการเกิดฝุ่นของ กทม. ส่วนจะปิดต่อเนื่องหรือไม่นั้น ยังต้องรอการประชุมหารือสถานการณ์ก่อน แต่ยืนยันว่าการปิดโรงเรียนจะไม่ให้กระทบกับการเรียน โดยอาจให้มีการเรียนเสริมในภายหลัง

มาตรการที่ 3 การแจกหน้ากากอนามัย ซึ่งที่ผ่านมามีการแจกภายในศูนย์อนามัยทั้ง 68 ศูนย์ทั่งกทม. โดยมีหน้ากากอยู่ประมาณ 4 แสนกว่าใบ โดยในช่วงวิกฤตเราจะมีการแจกเพิ่มเติมในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพิ่มเติมอีก 7 สถานีที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก ได้แก่ หมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อโศก ศาลาแดง สยาม วงเวียนใหญ่ และบางหว้า โดยจะเริ่มแจกตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. เป็นต้นไปในช่วงเวลาวิกฤต รวมทั้งสถานีรถเมล์

มาตรการที่ 4 ขอให้ประชาชนสวมหน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่น ไม่สวมไม่ได้ เพราะปัญหาฝุ่นไม่ใช่ไม่ก่อผลกระทบสุขภาพ หากติดขัดเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อ เราก็มีแจกอยู่ตามศูนย์อนามัยและสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ก็สามารถมาขอรับไปใช้ได้

เมื่อถามถึงเรื่องของการเผาในที่โล่ง ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า เรามีมาตรการกวดขัยตลอดในเรื่องนี้ แต่ปัจจุบันเรื่องฝุ่น การเผาในที่โล่งใน กทม.แม้จะมี แต่ก็มีน้อย ส่วนใหญ่เป็นการเผาในต่างจังหวัดและประเทศอื่นมากกว่า ส่วนกทม.ยังมาจากไอเสียรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 72% ส่วนการเผาในที่โล่งได้รับรายงานว่าลดน้อยลงมาก และเราลงพื้นที่ตลอดในการกวดขัน ซึ่งหากพบก็จะเอาผิดตามกฎหมายทันที แต่ในส่วนของเทศกาลตรุษจีนที่จะมีการจุดธูปและเผากระดาษนั้น ยืนยันว่าไม่สามารถไปเอาผิดหรือจับกุมได้ เพราะเป้นคนละส่วน คงทำได้เพียงขอความร่วมมือในการลดการจุดและการเผาลง


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่