ชาวบุรีรัมย์ มีอันต้องเสียน้ำตา เพราะต้องสูญเสียปูชนียบุคคล อย่าง “ปู่ชัย” ชัย ชิดชอบ ไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ปู่ชัย” มิเพียงเป็นนักการเมืองรุ่นเก๋า แต่นี่คือเสาหลักทางความคิดให้กับ “นายเนวิน ชิดชอบ” นักพัฒนาแห่งจังหวัดบุรีรัมย์
“ปู่ชัย” พูดอยู่เสมอว่า “ถ้าตั้งใจเสียอย่าง ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้” แนวทางดังกล่าวถ่ายทอดไปถึงลูกชายทั้ง 2 คน ทั้งเนวิน และศักดิ์สยาม ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นคนทำงานหนัก คนทำงานจริง
ประวัติของ “ปู่ชัย” มิได้แตกต่างจากนักการเมืองท่านอื่น แต่สิ่งที่โดดเด่นคือ “บุรีรัมย์” ซึ่ง “ปู่ชัย” และบุตรชายดูแลอย่างดีที่สุด
ตำแหน่งสูงสุดของ “ปู่ชัย” คือประธานรัฐสภา แต่สิ่งที่ชาวบุรีรัมย์จำได้ดีคืออัตลักษณ์ความเป็น “พ่อชัย” ที่พร้อมรับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้าน และเร่งแก้ไข เป็นที่พึ่งของชาวบุรีรัมย์มาในหลายยุค หลายสมัย สร้างชื่อให้ตระกูล “ชิดชอบ” จนโด่งดังทั่วทั้งจังหวัด แถม “บุตรชาย” ยังพาบุรีรัมย์ดังกระฉ่อนระดับโลก
เดิมที “ปู่ชัย” เกิดและเติบโตที่จังหวัดสุรินทร์ ก่อนย้ายถิ่นฐานมาปักหลักที่จังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มต้นสร้างตัวด้วยธุรกิจฟาร์มกุ้งริมแม่น้ำมูล และธุรกิจสำคัญอย่าง โรงโม่หินศิลาชัย ที่กลายเป็นธุรกิจหลักให้กับ “ปู่ชัย” ก่อนลงสู่สนามการเมือง
ในบทบาทของนักการเมืองท้องถิ่น เป็นกำนัน ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
ก่อนที่จะขยับสู่เส้นทางการเมืองที่ใหญ่ขึ้นในเวลาต่อมา
โดยเริ่มลงสมัคร ส.ส. ครั้งแรก ภายใต้สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ในปี 2500 ก่อนที่จะได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. จังหวัดบุรีรัมย์ หลายสมัย
พ.ศ. 2512 (ผู้สมัครอิสระ)
พ.ศ. 2522 (พรรคประชาราษฎร์)
พ.ศ. 2526 (พรรคกิจสังคม)
พ.ศ. 2529 (พรรคสหประชาธิปไตย)
พ.ศ. 2535 และ 2538 (พรรคชาติไทย)
พ.ศ. 2539 (พรรคเอกภาพ)
พ.ศ. 2548 ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ (พรรคไทยรักไทย)
พ.ศ. 2549 ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดบุรีรัมย์
พ.ศ. 2550 เป็น ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน
กระทั่ง ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภาในปี 2551
นี่คือตำแหน่งสูงที่สุดของ “ปู่ชัย” ชิดชอบ
สะท้อนทั้งความสามารถ และบารมีของ “ปู่ชัย” ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยกย่องไว้ว่า
“ท่านเป็นคนเก่ง ไม่ใช่แค่บทบาททางการเมือง เพราะตนเคยเห็นบทบาทตอนเป็นประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า สมัยท่านเป็นประธานสภาฯ ต้องคุยกับนักวิชาการเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนและหน่วยกิจ ท่านถือว่าเก่งมาก พูดถึงเนื้อหาทางวิชาการอย่างชัดเจน ถือว่าท่านสันทัด”
“ปูชัย” ถือเป็นบุคคลที่เชื่อในการเจรจาหารือ ได้ชื่อว่าเป็นคนการเมืองที่ประนีประนอมที่สุด การทำหน้าที่ในสภาของ “ปู่ชัย” จึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในคราวที่สภากำลังเดือดเป็นไฟ ก็ได้ “ปู่ชัย” นี่เอง ที่เป็น “น้ำเย็น” คอยดับไฟ
จึงน่าเป็นห่วงว่า จากนี้ สภาไทยจะเดินไปอย่างไร ในวันที่ไร้ “ปู่ชัย”
ที่สุด วันนี้ “ปู่ชัย” ได้อำลาโลกการเมืองไปแล้ว แต่คุณงามของ “ปู่ชัย” ยังโดดเด่นยิ่งในใจของประชาชนคน “บุรีรัมย์” ไม่มีวันเสื่อมคลาย
#Ringsideการเมือง