(27 ม.ค.63) เว็บไซต์ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวปรากฎในสื่อออนไลน์ต่างๆ เรื่อง พนักงานการบินไทย ติดโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ บริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) กระทรวงคมนาคม พบว่าข้อมูลที่ปรากฏดังกล่าวเป็น ข้อมูลเท็จ
จากกรณีที่มีผู้แชร์ข้อมูลว่ามีพนักงานของการบินไทย ที่ปฏิบัติหน้าให้บริการผู้โดยสารติดโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทางบริษัทฯ ขอยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และขณะนี้ได้มีการออกมาตรการป้องกันโรคระบาด โดยคำนึงถึงการให้บริการ และความปลอดภัยสูงสุด รวมถึงเน้นย้ำให้ผู้ปฏิบัติงานปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะให้ผู้ปฏิบัติงานดูแลตนเอง เช่น สวมหน้ากากอนามัย และถุงมือ นอกจากนั้นให้สังเกตอาการผู้โดยสารในระหว่างเที่ยวบินด้วย โดยมาตรการป้องกันโรคระบาด มีดังนี้
1. มาตรการคัดกรองในการตรวจรับผู้โดยสาร และการบริการภาคพื้น
2. มาตรการในการให้บริการบนเครื่องบิน
3. มาตรการในการจัดเตรียมอากาศยาน และฆ่าเชื้อโรค
4. มาตรการทำความสะอาดภายในอากาศยาน
5. มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสุขอนามัยของพนักงาน
6. มาตรการการรับขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์
7. มาตรการด้านโภชนาการ
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.thaiairways.com หรือโทร. 02 3561111
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ
ด้าน มติชน รายงานว่า วันที่ 26 มกราคม นายแพทย์ชัยวัฒน์ ทองไหม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวชี้แจงกรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่า มีผู้ป่วยคล้ายติดเชื้อคล้ายไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือ “ไวรัสอู่ฮั่น”เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ว่า ในหลักการแล้วหาดผู้ป่วยได้รับเชื้อคล้ายไวรัสอู่ฮั่นน่าจะมีอาการภายใน 7 วัน แต่ข้อเท็จจริงสำหรับผู้ป่ายรายนี้คือมีอาการหลังจากกลับมาที่บ้านเราแล้ว ซึ่งอาการเท่าที่ดูเบื้องต้นในตอนนี้เป็นอาการไข้หวัด ซึ่งในทางการแพทย์ให้มีการเฝ้าระวังทุกราย
นพ.ชัยวัฒน์กล่าวว่า ฉะนั้นสำหรับผู้ป่วยรายนี้ยังไม่น่าเป็นห่วงและโดยความเห็นส่วนตัว 95% ขึ้นไปไม่น่าจะใช่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น แต่ทั้งนี้ต้องรอผลตรวจทางแล็ปก่อนเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันให้ครบถ้วน ตอนนี้จึงจำเป็นต้องกักตัวผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัย
“ต้องรอผลแล็ปก่อนคาดว่าคงจะใช้ระยะเวลาราว 3 วัน ตอนนี้อาการผู้ป่วยรายนี้ก็เหมือนเป็นไข้หวัด แต่เนื่องจากเป็นมาตรฐานทางสากล จำเป็นต้องกักตัวไว้ในห้องปลอดเชื้อไว้ก่อน ส่วนอาการที่บ่งชี้ไม่น่าจะติดเชื้อคล้ายไวรัสอู่ฮั่น คือมีอาการเป็นหวัดมาหลายวันแล้ว แมัจะมีไข้แต่ไม่ได้สูงเหมือนผู้ป่วยติดเชื้อโคโรน่าที่จะหนักกว่านี้และยังไม่มีอาการปอดบวม แต่ทั้งนี้ที่ยังพูดไม่ได้เต็มปากเพราะผลแล็ปยังไม่ออก”นพ.ชัยวัฒน์กล่าว
ข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ป่วยคล้ายติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพีนธุ์ใหม่หรือ”ไวรัสอู่ฮั่น” ที่อ.หล่มสักรายนี้ เข้ารับการรักษาที้โรงพยาบาลหล้มสักเมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 25 มกราคมที้ผ่านมา หลังผ่านการซักประวัติจึงทราบว่า เคยเดินทางไปประเทศจีน เพิ่งกลับมา และเคยรับประทานต้มค้างคาวตามที่เห็นในข่าว ทางโรงพยาบาลฯจึงกักตัวไว้พร้อมดำเนินการตามมาตรฐานสากลของการรักษาและควบคุมโรคติดตีอ เพื่อติดตามและเฝ้าระวังอย่สงเข้มข้นและใกล้ชิด
ขณะที่ ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า วันที่ 26 ม.ค. 63 นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีโรงพยาบาลศรีสะเกษ ได้รับตัวผู้ป่วย 1 รายที่สงสัยว่า อาจจะติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู่ฮั่นว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าวไม่เข้าข่ายติดเชื้อไวรัสโคโรนา เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้ เริ่มป่วยหลังเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงได้ 16 วัน ซึ่งพ้นจากระยะฟักตัวของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แล้ว