หน้าแรก news “หมอวาโย” อนาคตใหม่ ให้กำลังใจ จนท.กรมควบคุมโรค สธ.ชี้ ทำได้ดี ถูกต้องตามหลัก WHO แนะ ปชช.ล้างมือบ่อยๆ

“หมอวาโย” อนาคตใหม่ ให้กำลังใจ จนท.กรมควบคุมโรค สธ.ชี้ ทำได้ดี ถูกต้องตามหลัก WHO แนะ ปชช.ล้างมือบ่อยๆ

0
“หมอวาโย” อนาคตใหม่ ให้กำลังใจ จนท.กรมควบคุมโรค สธ.ชี้ ทำได้ดี ถูกต้องตามหลัก WHO แนะ ปชช.ล้างมือบ่อยๆ
Sharing

เมื่อวันที่ 27 มกราคม จากกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019  ซึ่งเกิดที่เมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะที่ประเทศไทยซึ่งเป็นปลายทางยอดนิยมของชาวจีน มีเที่ยวบินตรงจากเมืองอู่ฮั่นหลายเที่ยวบิน ขณะนี้มีผู้ป่วยชาวจีนที่มาท่องเที่ยวติดเชื้อโรคดังกล่าว 8 รายตามที่เป็นข่าวได้รับการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว นั้น

นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ดังกล่าว เห็นว่าการรับมือของเจ้าหน้าที่รัฐ คือ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการนั้นทำได้ดี ถูกต้องตามหลักวิชาการขององค์การอนามัยโลก (WHO) และยังมีการทำงานร่วมกันกับสถาบันการศึกษาด้วย เช่น คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล  แต่ติดปัญหาเรื่องของการให้ข่าวของฝ่ายบริหารที่ไม่ตรงกับการปฏิบัติ ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติทำงานลำบาก อย่างกรณีที่เป็นข่าวการใช้เครื่องเทอร์โมสแกน นั้น ความจริงแล้วยังใช้อยู่ ดังที่อธิบดีกรมควบคุมโรคต้องมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว ทั้งนี้ ต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ให้ยึดหลักทางวิชาการในการป้องกันการแพร่ระบาดนี้อย่างเคร่งครัด

“สำหรับคำแนะนำพี่น้องประชาชนรับมือต่อการแพร่ระบาดนั้น เรื่องพื้นฐานเลยคือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ โดยเน้นเรื่องล้างมือเป็นสำคัญ รวมถึงหลีกเลี่ยงการเข้าที่ชุมชน แต่หากต้องป้องกันตัวโดยการใส่หน้ากากต้องเป็นชนิด N 95 เพราะหน้ากากอนามัยธรรมดาโดยหลักการนั้นกันออกไม่ใช่กันเข้า นั่นคือ ผู้ที่ป่วยมีอาการระบบทางเดินหายใจ จะต้องใส่หน้ากากอนามัย ต้องกระตุ้นจิตสำนึกของการรับผิดชอบต่อสังคมในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้มีการแพร่เชื้อต่อ ทั้งนี้ แหล่งแพร่เชื้อที่สำคัญในชุมชนจากการสัมผัส เช่น ราวบันได โดยเฉพาะราวบันไดเลื่อน และปุ่มกดลิฟต์ ดังนั้นการล้างมือบ่อยๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ” นพ.วาโย กล่าว

ด้าน นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลคือช่วงก่อนที่จะมีการเฝ้าระวัง และควบคุมอย่างเข้มงวดนั้น ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม – ก่อนการเฝ้าระวัง พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาในเมืองไทยแล้วกว่า 20,000 คน นอกจากนี้ยังมีเข้ามาทางพรมแดนทางบก เช่น ด่านท่าขี้เหล็ก หรือ ด่าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ด้วย โดยส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวทางนี้จะเป็นชาวจีนจากเมืองฉงชิ่ง ซึ่งเป็นบ้านใกล้เคียงกับเมืองอู่ฮั่น ดังนั้น เรื่องนี้ต้องเฝ้าระวังด้วยเช่นกัน เพราะต้องไม่ลืมว่าไวรัสนี้มีระยะพักตัว 2-14 วัน อาจมีคนที่เดินทางเข้ามาตอนยังไม่มีอาการ และมาออกโรค มีอาการตอนมาอยู่ในเมืองไทยแล้ว และอาจแพร่โรคให้ผู้อื่นได้ ซึ่งผู้ป่วย 1 คนสามารถส่งโรคแพร่ได้ 2-3 คน ขณะที่บางรายที่เป็น super spreader อาจแพร่ระบาดได้ถึง 14 คน ซึ่งเราไม่รู้เลยว่าใครจะแพร่ระบาดได้แบบไหน

“ดังนั้น สิ่งที่ต้องฝากไว้ในเบื้องต้นคือการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะการล้างมือบ่อยๆ ซึ่งอาจจะช่วยป้องกันได้ ขณะที่คนที่ไม่สบาย ให้สังเกตตัวเอง ซึ่งอาการของโรคจะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป คือมีไข้ ไอ ปวดเมื่อย ซึ่งในไข้หวัดทั่วไปนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ก็อาจจะหายได้ แต่กรณีไวรัสโคโรน่านั้น จะมีอาการแย่ โดยจะหายใจเหนื่อยหอบตั้งแต่ประมาณวันที่ 8 เป็นต้นไป หรือสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยแข็งแรงก็อาจจะเร็วกว่านั้นได้ ทั้งนี้ ไม่ได้ต้องการให้ตื่นตระหนก แต่เป็นการให้ข้อมูลสำหรับดูแลตัวเอง รวมถึงไม่ทิ้งกลุ่มคนที่มามีอาการโรคในประเทศ และผู้ที่ใกล้ชิดคนกลุ่มนี้ที่อยู่ในประเทศอยู่แล้วซึ่งอาจได้รับเชื้อด้วย” นพ.เอกภพ กล่าว


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่