ไชน่ามีเดีย กรุ๊ป (CMG) สถานีวิทยุและโทรทัศน์ของจีน รายงานว่ารอล์ฟ ฮิลเกนเฟลด์ (Rolf Hilgenfeld) ผู้เชี่ยวชาญการวิจัยด้านไวรัสโคโรนาชาวเยอรมัน และศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยลูเบค (Lubeck University) นำ “ตัวยับยั้ง” (Inhibitor) จำนวน 2 ตัว ซึ่งได้รับการพัฒนาสำหรับไวรัสโคโรนาโรคซาร์ส (SARS-CoV) มายังประเทศจีน เพื่อทดสอบประสิทธิภาพกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV)
ฮิลเกนเฟลด์และคณะทุ่มเทวิจัยตัวยับยั้งไวรัสโคโรนาโรคซาร์สมานานหลายปี ตัวยับยั้งดังกล่าวจะใช้เอนไซม์โปรตีเอส (protease) ในไวรัส โดยป้องกันไม่ให้โปรตีนของไวรัสแบ่งตัวและสามารถยับยั้งไม่ให้ไวรัสเติบโตเป็นไวรัสที่เจริญเต็มที่ (mature virus) ที่นำโรคได้ในที่สุด
ปัจจุบัน การเตรียมยาจากตัวยับยั้ง ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยคณะวิจัยดังกล่าว ได้ผลดีในหนูที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาโรคซาร์ส (SARS-CoV) และได้ผลค่อนข้างคงตัวในการทดลองกับการเพาะเลี้ยงเซลล์มนุษย์ (Human cell culture experiment)
นักวิทยาศาสตร์พบว่าไวรัสฯ สายพันธุ์ใหม่ มีความคล้ายคลึงกับไวรัสฯ โรคซาร์สถึงร้อยละ 80 ส่วนความคล้ายคลึงกันระหว่างเอนไซม์โปรตีเอสของไวรัส 2 ตัวนี้ สูงถึงร้อยละ 96 โดยฮิลเกนเฟลด์หวังว่าตัวยับยั้งดังกล่าวจะช่วยในการวิจัยยาสำหรับไวรัสฯ สายพันธุ์ใหม่ได้
เขาอธิบายระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีฯ ว่าการทดลองกับไวรัสฯ สายพันธุ์ใหม่ จะใช้หนูเป็นตัวทดลอง และจะมีการทดลองด้านพิษวิทยาเพื่อกำจัดผลข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจเกิดจากยาด้วย และสุดท้ายการผลิตยาในปริมาณมากจะทำได้โดยผ่านการวิจัยทางคลินิกเท่านั้น
ธรรมชาติของเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นเชื้อที่สามารถหายเองได้ โดยหลังเวลาผ่านไประยะหนึ่ง เมื่อร่างกายของมนุษย์ผลิตแอนติบอดีหรือโปรตีนภูมิคุ้มกันได้ การแพร่ของไวรัสฯ และยุติการแพร่ระบาดได้ในที่สุด
ขณะที่ทางการไทย วานนี้กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงถึงสถานการณ์ โดยเปิดว่า ขณะนี้ทางการจีนกำลังทดสอบใช้ยาต้านไวรัส AIDS เพื่อจัดการกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งทุกครั้งที่ทางการจีนทดลองใช้ยาตัวไหน ทางการไทยจะสำรองยาตัวนั้นตามไปด้วย โดยหวังว่าเมื่อค้นพบว่ายาตัวไหนสามารถฆ่าเชื้อไวรัสตัวนี้ได้อย่างปลอดภัย ทางการไทยจะนำยาตัวนั้นมาใช้กับผู้ป่วยทันที
ขอบคุณข้อมูล : www.xinhuathai.com