หน้าแรก news ผู้ติดเชื้อโคโรนาไทย ไม่เพิ่ม! นอน รพ.11 กลับบ้าน 8 ราย คนขับแท็กซี่ดีขึ้น เตรียมกลับบ้าน ด้านผู้ติดเชื้อญี่ปุ่นแซงทะลุ 20

ผู้ติดเชื้อโคโรนาไทย ไม่เพิ่ม! นอน รพ.11 กลับบ้าน 8 ราย คนขับแท็กซี่ดีขึ้น เตรียมกลับบ้าน ด้านผู้ติดเชื้อญี่ปุ่นแซงทะลุ 20

0
ผู้ติดเชื้อโคโรนาไทย ไม่เพิ่ม! นอน รพ.11 กลับบ้าน 8 ราย คนขับแท็กซี่ดีขึ้น เตรียมกลับบ้าน ด้านผู้ติดเชื้อญี่ปุ่นแซงทะลุ 20
Sharing

กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ประจำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ณ เวลา 08.00 น. ระบุว่า รายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อขณะนี้นอนในโรงพยาบาล 11 ราย กลับบ้านแล้ว 8 ราย รวมสะสม 19 ราย

มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 485 ราย คัดกรองจากสนามบิน 43 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 442 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 97 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 388 ราย โดยวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายใหม่จำนวน 103 ราย

สถานการณ์ทั่วโลกใน 26 ประเทศ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม– 2 กุมภาพันธ์ 2563  พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 14,553 ราย ส่วนประเทศจีน ข้อมูล ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 พบผู้ป่วย 14,380 ราย เสียชีวิต 304 ราย

ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข สถานการณ์จะดีขึ้นด้วยความร่วมมือจากประชาชน อย่าเชื่อข่าวลือจากทุกทาง “เช็คก่อนแชร์” งดแชร์ข้อมูลผู้ป่วยทางสื่อออนไลน์ และมาจากแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแพร่หลาย เกิดความตระหนก และมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โปรดติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข หากมีข้อสงสัย สอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/และ Line@/เฟสบุ๊ค: รู้กันทันโรค,Coronavirus2019, กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประชาชนสามารถตรวจสอบข่าวลวงได้ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม www.antifakenewscenter.com

กระทรวงสาธารณสุข จัดประชุมเชิงปฏิบัติการทีมสอบสวนโรคติดต่ออันตรายและบุคลากรทางการแพทย์ รัฐ และเอกชน  เข้มหลักการดูแลผู้ป่วยโรคปอดอักเสบติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ตามแนวทางเวชปฏิบัติ

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า เช้าวันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ไปเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาเครือข่ายทีมสอบสวนโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ครั้งนี้ขึ้น เพื่อเป็นการซักซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติงาน และเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดของทีมสอบสวนโรคติดต่ออันตรายและหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคในระดับจังหวัด ทั่วประเทศ ประกอบด้วย แพทย์พยาบาล เจ้าหน้าที่

ห้องปฏิบัติการ  เจ้าหน้าที่ระบาดวิทยา ประมาณ 500 คน  เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งในการตรวจจับโรค วินิจฉัย ดูแลรักษา และควบคุมโรคในพื้นที่ หลังจากนั้นได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อและ ผู้ป่วยในเกณฑ์เฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019ที่โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและติดตามแนวทางการรักษาพยาบาล การดูแลผู้ป่วย

ส่วนบ่ายวันนี้ ดร.ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดระบบบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในกรุงเทพมหานคร กรณีโรคปอดอักเสบจากโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ โรงแรมเอเชีย ราชเทวี  โดยมีผู้บริหาร บุคลากรทางการแพทย์ จากกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทยและโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเข้าร่วมประชุม เพื่อเตรียมพร้อมรองรับตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน โดยจะให้โรงพยาบาลในเครือข่ายจัดตั้งคลินิกไข้หวัดบริการเบ็ดเสร็จจุดเดียว และให้บุคลากรทางการแพทย์มีความตระหนักดูแลผู้ป่วยตามแนวทาเวชปฏิบัติ

และในวันพรุ่งนี้ (4 กุมภาพันธ์ 2563) นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

จะดีเดย์ Big cleaning Week สร้างความรอบรู้ประชาชน ปรับพฤติกรรมสุขอนามัยส่วนบุคคล และทำความสะอาดบ้านเรือน สถานที่ทำงาน สถานที่สาธารณะ และประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ

ผลการดำเนินงานที่ด่านควบคุมโรค จากการตรวจคัดกรอง 6 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ ได้ตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ สะสมตั้งแต่วันที่ 3 – 25 มกราคม 2563 จำนวน 137 เที่ยวบิน จำนวน 21,522 คน วันที่ 24 มกราคม -2 กุมภาพันธ์ 2563 ท่าอากาศยานเชียงราย ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานกระบี่ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คัดกรองผู้โดยสารสายการบิน จากสาธารณรัฐประชาชนจีน 229 เที่ยวบิน ผู้เดินทางและลูกเรือได้รับการคัดกรอง จำนวน 12,163 ราย ทางกระทรวงสาธารณสุขได้จัดเจ้าหน้าที่หมุนเวียนไปสนับสนุนเจ้าหน้าที่ที่ด่าน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง

นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับแจกคำแนะนำสุขภาพ (health beware card) จากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค

ข้อแนะนำประจำวันในการป้องกันตนเองจากโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019

ย้ำเตือนประชาชนหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น และปฏิบัติตามคำแนะนำ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” อย่างเคร่งครัด

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่จำนวนผู้ป่วยนอกจีน มี 23 ประเทศแล้วโดยฟิลิปปินส์ 2 คน เสียชีวิตไป 1 คน ญี่ปุ่น 20 คน กลับบ้าน 1 คน ไทย 1​9 คน กลับบ้าน 8 คน สิงคโปร์ 18 คน เกาหลีใต้ 10 คน ออสเตรเลีย 10 คน เยอรมัน 10 คน อเมริกา 9 คน เวียดนาม 7 คน ฝรั่งเศส 6 คน UAE 5 คน แคนาดา 4 คน รัสเชีย อังกฤษ อิตาลีอินเดีย ประเทศละ 2 คน และฟินแลนด์ สวีเดน เนปาล กัมพูชา ศรีลังกา สเปน ประเทศละ 1 คน

 

The Reporters รายงานเมื่อวันที่ 2 ก.พ.63 ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและกระทรวงสาธารณสุข ได้เยี่ยมผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่รักษาอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร โดยเฉพาะนายทองสุข ซึ่งเป็นคนขับแทกซี่ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา จากนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังเข้ามาทำการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร

นายทองสุข บอกกับนายอนุทินว่า อาการดีขึ้น รู้สึกหายดีแล้ว และแข็งแรงกว่าปกติ นพ.อภิชาต วชิรพันธุ์ ผอ.สถาบันบำราศนราดูร เปิดเผยว่า แพทย์รอผลตรวจเชื้อยื่นยันจากห้องปฏิบัติการอีก 1 แห่ง โดยอีก 1 แห่งยืนยันผลเป็นลบ ก็จะยืนยันได้ว่า นายทองสุข หายจากการติดเชื้อไวรัส แต่จากอาการที่พบถือว่าอาการดีขึ้นแล้ว ซึ่งกรณีนี้รักษาให้ยาตามอาการ ก็หายเป็นปกติ

นายอนุทิน ให้กำลังใจนายทองสุข ที่รักษาจนหาย รวมทั้งยืนยันว่าครอบครัวที่ใกล้ชิดไม่ได้ติดเชื้อ และรอแพทย์ยืนยันก็ให้กลับบ้านได้ และชื่นชมให้กำลังใจแพทย์และพยาบาล ที่รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา หายไป 7 รายแล้ว จากจำนวนทั้งหมด 60 รายที่เข้ามารักษาที่สถาบันบำราศนราดูร

 


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่