น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลสำรวจดัชนีการเมืองไทยของสวนดุสิตโพล ที่พบว่าคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลแย่ลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 โดยนายกรัฐมนตรีสอบตกได้คะแนนเพียง 3.6 จากคะแนนเต็ม 10
ซึ่งจากผลการสำรวจที่รัฐบาลได้คะแนนไม่ถึงครึ่งมานานแล้ว และลดต่ำลงเรื่อย ๆ อย่างที่รัฐบาลในอดีตไม่เคยมีใครได้รับมาก่อน สะท้อนถึงความไม่ยอมรับของประชาชนที่ไม่ใช่แค่ภาวะเบื่อหน่ายธรรมดา แต่น่าจะใกล้ถึงจุดที่ประชาชนเริ่มทนไม่ไหวและอาจถึงจุดเดือดในวันใดวันหนึ่งได้ หากสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศยังย่ำแย่อยู่อย่างนี้
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะประชาชนผิดหวังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ซ้ำซากในหลาย ๆ กรณี นอกจากเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่ยังแก้ไม่ได้แล้ว แม้แต่เรื่องง่ายๆอย่างหน้ากากอนามัยแก้ฝุ่นพิษรัฐบาลก็ยังปล่อยให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเองตามยถากรรม หรือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ที่คนบ่นกันทั้งเมืองว่าผู้นำรัฐบาลขาดความเด็ดขาดและขาดวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหา จนทำให้คนไทยเริ่มได้รับผลกระทบ ทั้งที่ควรจะป้องกันได้
“การแก้ปัญหาความยากจนที่รัฐบาลได้คะแนนต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ล้มเหลวในทุกๆด้าน โดยเฉพาะการแจกเงินคนจนกับโครงการชิมช้อปใช้ ที่นักวิชาการเชื่อว่าเอื้อประโยชน์ให้เจ้าสัวเพียงไม่กี่ราย จนเกิดภาวะรวยกระจุก จนกระจาย และเพิ่มช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางสังคมมากยิ่งขึ้น ” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะมีขึ้นประมาณวันที่ 19-21 กุมภาพันธุ์นั้น น.อ.อนุดิษฐ์เห็นว่าไม่ต่างจากสัญญาณการนับถอยหลังของพล.อ.ประยุทธ์ เพราะหากประชาชนได้เห็นข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นด้านมืดที่ไม่เคยถูกตรวจสอบมายาวนานถึง 6 ปี ก็คงยากที่จะทำใจยอมรับให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไปได้ หลังจากหมดศรัทธาในฝีมือการบริหารราชการแผ่นดินมานานแล้ว
“ผมคงต้องวิงวอนพล.อ.ประยุทธ์ หากยังคงเดินหน้าบริหารประเทศแบบผิด ๆ ต่อไป โดยไม่ยอมรับความผิดพลาดหรือเสียงทักท้วงใดๆ ก็เชื่อว่า สุดท้ายจุดจบของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คงจะไม่แตกต่างจากผู้นำกองทัพคนอื่นๆ ที่เริ่มต้นด้วยการยึดอำนาจอย่างยิ่งใหญ่ แต่สุดท้ายอาจจบลงด้วยการถูกโห่ไล่จากประชาชนอย่างอนาถ” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย