ผมสังเกตความเคลื่อนไหวของปรากฎการณ์ความตื่นตระหนกต่อไวรัสโคโรนา ที่ทำท่าลุกลามขยายตัว มีทั้งข่าวปล่อยที่สร้างความตกใจ ที่ช่วงนี้เรามักจะได้ยินคำว่า “เฟคนิวส์” (Fake News)
แต่เอาล่ะ เมื่อมองลงไปต่อกิจกรรมความเคลื่อนไหวตลอดสัปดาห์ ต้องยอมรับว่าหมอไทยของเราเก่ง สามารถคิดค้นวิธีการรักษาโรคชนิดนี้ได้ และกลไกการรับมือของทางการไทยดูดีเป็นระบบมากขึ้น
ผมสังเกตง่ายๆอย่างนี้ครับ เมื่อคืนผมอยู่สนามบินสุวรรณภูมิ กว่า90% ผู้คนส่วนใหญ่ใส่หน้ากากอนามัย นั่นหมายถึงความตระหนักสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ทางการไทยปล่อยปละละเลย ไม่ช่วยเหลือประชาชน หรือให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเอง ผมว่าตรงนี้คือความสำเร็จถึงการส่งข้อความนำไปสู่ความร่วมมือ การป้องกันตนเองในเบื้องต้นเพื่อลดการเป็นเงื่อนไขสุ่มเสี่ยงของการรับเชื้อไวรัสโคโรน่า
ในส่วนของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้รับผิดชอบกระทรวงสาธารณสุขโดยตรง ในส่วนตรงนี้ก็ขอให้แยกการใช้เฟสบุ๊คส่วนตัวที่ตอนนี้หลายคนต้องเข้าใจลักษณะพิเศษของ รองนายกท่านนี้ว่า จะตอบข้อความกวนความรู้สึกของชุมชนโลกออนไลน์ไปบ้าง แต่ยังยืนหยัดตอบเฟสบุ๊คไลฟ์ทุกคืนหลังจาสังคมต้องการทราบความชัดเจน ต่อการหามาตรการป้องกันไวรัสโคโรน่า
แน่นอนครับ ตลอดสัปดาห์มีแต่ข้อความในเฟสบุ๊คออกมาวิจารณ์และใช้ถ้อยคำที่รุนแรงต่อคุณอนุทิน
ผมว่านี่คือการยืนยันตัวตน
ความเป็นคุณอนุทิน ที่เปรียบเสมือน นักปฏิบัตินิยม เน้นทำงานหนัก แก้ไขปัญหา คุณอนุทินจึง ไม่ใช่เป็นผู้เชี่ยวชาญสร้างโวหารนะวรรคทอง ให้สังคมไทยตราตรึงใจสักเท่าไหร่ เป็นผมคงไม่สามารถอดทนนั่งอ่านข้อความไปด้วยไลฟ์สดไปด้วยพร้อมๆกับข้อความด่าทอบริภาษต่างๆได้
นี้แหละคือหน้าที่ และความรับผิดชอบทางการเมือง เช่นเดียวกันกับคุณหมอทุกคนที่กำลังต่อสู้กับภัยไวรัสในครั้งนี้
ส่วนสังคมไทยผมไม่ได้รู้สึกว่า สังคมไทยกำลังติดกับดักวังวนของข่าวลือ ข่าวปลอม(ซึ่งฝ่ายความมั่นคง คงจัดการในทางคดี หรือสังคมที่รู้ทันจะพิพากษาด้วยกลไกทางสังคมของมันเอง) แต่ผมมองว่ามันเป็นการเริ่มต้นของการเรียนรู้กระบวนการสร้างประชาธิปไตยในบ้านเรา ที่ให้ความคาดหวังต่อนักการเมืองสูงขึ้นมากกว่าเดิม ต้องการทราบการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมทั้งทางปฏิบัติ และทางความคิดมากขึ้น ไม่ว่าข้อเสนอแนะ ในทางบวกหรือลบ ให้กำลังใจ หรือจะจับผิด ผมว่านี่คือสิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราได้ในปรากฎการณ์การตื่นตัวของไวรัสโคโรน่าในครั้งนี้ ไม่ว่าสายการการบินต้นทุนต่ำทั้งแอร์ เอเชีย และไทยไลออน แอร์ ต่างแสดงออกต่อความห่วงใยและอาสาช่วยเหลือนำคนไทยที่อู่ฮั่นกลับมา
เสร็จจากเรื่องไวรัสโคโรน่า ยังมีเรื่องใหญ่ของบ้านเรา ก็คือ ฝุ่นละออง pm2.5 ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องได้ทุกฝ่ายมาหารือหาทางออกร่วมกัน ไว้มีโอกาสผมจะชวนทุกคนมาร่วมเสนอทางออกนะครับ
ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง
เขียนแถวย่านแจ้งวัฒนะ
4 กุมภาพันธ์ 2563