ชัดเจนกับการเมืองไทย ที่ตอนนี้แบ่งเป็นแม่น้ำ 2 สายไหลเป็นเส้นขนาน คือ ฝ่าย เชียร์ “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และฝ่ายไม่หนุนบิ๊กตู่ ที่แม้ฝ่ายหลังจะรวมถึงฝ่ายนิยมพรรคเพื่อไทย เสื้อแดง และเครือข่าย ที่มีจำนวนมาก
แต่หากวัดตามโพลแล้วต้องยอมรับว่า “บิ๊กตู่” ยังเป็นผู้นำที่ถูกใจคนไทยมากกว่า ด้วยความเข้มแข็งในฐานการเมือง และความนิยมจากประชาชน ชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ สะท้อนผ่านโพลของนิด้า ที่ผ่านมาแล้วจะครบ 4 ปี แต่ความนิยมของบิ๊กตู่ยังนำมาอันดับ 1 แซงเพื่อนชนิดไม่เห็นฝุ่น
ก็ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิด อายุครบ 64 ปี
ผลโพลปรากฏว่า
ประชาชน 38.64% เชียร์พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกฯ
ประชาชน 13.04% เชียร์คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นนายกฯ
และ ประชาชน 12.24 เชียร์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ
เอา 2 นักการเมืองเก่าบวกคะแนนกัน ยังห่าง “บิ๊กตู่” หลายขุม
เจาะกระแสความนิยม ต้องยอมรับว่า “บิ๊กตู่” มีบุคลิกที่ถูกใจคนไทย เพราะแสดงออกต่อสิ่งรอบข้างด้วยความจริงใจ เป็นสิ่งที่ประชาชนใฝ่หา หลังจากผิดหวังกับนักการเมืองมานาน เพราะฝ่ายหลังพูดอย่าง ทำอย่าง
ผิดจาก “บิ๊กตู่” ที่พูด และทำ ไปทำนองเดียวกัน
จุดยืนชัดเจน วันนั้น วันนี้ เกลียดนักการเมืองไม่ต่าง
ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการด้านการเมืองสถาบันพระปกเกล้า เคยวิเคราะห์ในรายการ Ringside การเมืองว่า
“ความจริงใจ คือจุดแข็งของรัฐบาลมาทหารทุกยุคทุกสมัย อย่าไปคิดว่าการแสดงออกที่ตรงๆห่ามๆ จะไม่ถูกจริตคนไทย เพราะแท้ที่จริงแล้วคนไทยชอบแบบนั้น แต่หากทหารแสดงออกอย่างลังเล คะแนนนิยมจะตกลงทันที”
สอดคล้องกับการดำรงอยู่ของพลเอกประยุทธ์ ที่ยังสามารถอยู่ได้สบาย ในสนามการเมืองไทย แม้เคยจะขู่ทุ่มด้วยโพเดียม รวมไปถึงขายยางที่ดาวอังคาร และคนไทยมาจากอัลไต ก็ตาม
นอกจากบุคลิกแล้ว ต้องยอมรับว่าทีมยุทธศาสตร์ของ “พลเอกประยุทธ์” ฝีมือไม่ธรรมดา เพราะรายล้อมด้วยกูรูในทุกด้าน ยกตัวอย่างด้านเศรษฐกิจ
ได้มือ PR ระดับปรมาจารย์การตลาด ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาวางเกมปั่นกระแสยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนภายใต้โครงการประชารัฐ และไทยนิยม ที่อัดเม็ดเงินตลอด 3 ปีเศษ ทะลุกว่า 5.5 แสนล้านบาท และจะอัดฉีดเข้าไปอีก 3 หมื่นล้านบาท ไม่นับรวมโครงการยิบย่อย ซื้อใจนักลงทุน อาทิ EEC และการกำหนดพื้นที่อุตสาหกรรมใหม่ทั่วประเทศ รวมไปถึงการเอาใจพี่น้องข้าราชการ ที่ถือว่าเป็นกำลังแรงงานสำคัญ ปั้นนโยบายให้เป็นจริง ได้รับการขึ้นเงินเดือนแบบก้าวกระโดด 4%-5% แทบทุกปี ที่ ดร.สมคิดดูแลงานด้านการใช้จ่าย ครอบคลุมทุกวงการ ไม่ปล่อยปละให้เป็นช่องโหว่ ทั้งยังมีการพัฒนาฝีมือต่อเนื่อง
ดร.สติธร แห่งสถาบันพระปกเกล้า เคยกล่าวในเรื่องดังกล่าวว่า
“รัฐบาลรู้ว่าชาวบ้านอึดอัดกับรัฐบาลเผด็จการ แต่ถ้าเขาได้รับเม็ดเงินไปจุนเจือบ้าง เสียงแห่งความเบื่อหน่าย ย่อมเงียบหายไป แต่ถ้ามันดังขึ้นมาอีก ก็อัดฉีดเงินเข้าไปอีก”
ถูกต้องที่สุด กับสิ่งที่นักวิชาการท่านนี้วิเคราะห์ ที่ตรงกับความเห็นของ รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง ที่ระบุในรายการ Ringsideการเมืองว่า
“คนไทย ยังอยู่ได้ เพราะก็ยังมีกิน จะให้ดิ้นรน ลุกขึ้นมาสู้กับทหารนั้น เป็นไปไม่ได้เลย”
ขณะที่ รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง ได้พูดในทำนองเดียวกัน
“อย่าเอาปี(พุทธศักราช) 2516 มาเทียบ ตอนนั้น บ้านเมืองขัดสน คนไทยต้องต่อคิวซื้อข้าว ตอนนี้ดีกว่ามาก รัฐบาลเขารู้แล้ว ว่าจะจัดการอย่างไร”
ความยั่งยืน ที่เกิดกับ “บิ๊กตู่” มาจากการจัดการเศรษฐกิจนี่เอง ที่แม้จะไม่หวือหวา แต่ก็ประคองความนิยมกันต่อไปได้
สำหรับเรื่องอำนาจ มือกฎหมายอย่าง ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ และ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลฝ่ายกฎหมาย ชื่อชั้นไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
ออกกฎ ตีกรอบ มิให้เรื่องใดต้องมาระคายผิว “บิ๊กตู่” ตัดไฟแต่ต้นลม วางหมาก 100 ชั้น อ่านเกมกันไม่ทัน ให้ฝ่ายการเมืองคิดแก้เกม เปิดทางรัฐบาลทำงานเต็มที่
ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก ที่สร้างความปวดเศียรฝ่ายการเมืองมิรู้จบ
ไหนจะท่าทีองค์กรอิสระทั้งหลายที่กลายเป็นกันชน ก่อนที่ปัญหาจะมาถึงบุคคลในรัฐบาล ที่มักจะถูกซับไว้ก่อนโดย “ปปช.” ฝ่ายที่เจ็บหนักจึงเป็นองค์กรอิสระ มากกว่าจะเป็นรัฐบาล หรือ “บิ๊กตู่”
ขณะที่เกมระยะยาว ฝ่ายกฎหมายรัฐบาล และ คสช. วางกลไก ดั่งค่ายกล สามารถกำหนดเกมอำนาจได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะมีเสียงกดดันให้เลือกตั้ง แต่ก็งัด “แทคติก” ทางกฎหมายมาเป็นเหตุผล ยืดเลือกตั้งได้ ในลักษณะที่สังคมตรงกลางต่างรับฟัง อย่างล่าสุด จะตีความกฎหมายลูกกันอีกแล้ว แต่ก้มาพร้อมคำขู่
“ถ้าไม่แก้ ระวังเลือกตั้งไปแล้วจะเป็นโมฆะ”
ที่พูดมายังไม่นับรวมความเข้มแข็งในกองทัพที่รวมตำรวจ ชัดเจนว่า ทุกเหล่าทัพยังสนับสนุน “บิ๊กตู่” และคณะ อ่านท่าทีจากโผโยกย้าย ที่ใกล้จะสะเด็ดน้ำ ทั้งทหาร ตำรวจ ไร้เสียงอิดออด ก็แสดงว่าจัดสรรอำนาจกันลงตัว รับประกันไรคลื่นใต้น้ำ แม้จะมีเสียงเรื่องกองหนุนหดหาย แต่มาจาก “คนสูงวัย” คสช. จึงไม่กังวล ถ้าหากมาจาก “บิ๊กเนม” ชื่อ “เฉลิมชัย สิทธิสาร” ผบ.ทบ. อันนั้น ถึงน่าจะสะดุ้งโหยง
ปัจจัยบวก มากขนาดนี้ อยู่ต่ออีก 10 ปี ไม่มีเลือกตั้ง ก็ยังได้
ขอบคุณภาพ : PPTV
Ringsideการเมือง