นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ กล่าวใน การสัมนาอนาคตประเทศไทยจะไปทางไหน ว่า ชีวิตตนเจอรัฐประหารมา 4 ครั้ง ทำให้เห็นว่า การทำรัฐประหารแก้ปัญหาประเทศไม่ได้ เราต้องกลับมาเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา อย่าคิด อย่าแก้ปัญหาทางการเมืองด้วยอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตย ต่อมาคือ รัฐธรรมนูญ เนื้อหา และที่มาบิดเบี้ยว มีกระบวนการที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน เราต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สังคมไทยจึงจะก้าวเดินไปได้ เพราะไม่ว่าพรรคไหนก้าวเข้ามาเป็นรัฐบาล เจอรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็เจอทางตันทั้งนั้น
ทั้งนี้ ตนคิดว่า พรรคการเมืองที่มีอยู่ปัจจุบันทั้งหมดไม่สามารถเป็นตัวแทนของตนได้ ไม่ใช่ว่าพรรคการเมืองไหนดีหรือไม่ดี แต่ตนยังไม่เห็นว่า พรรคไหนที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยจริงๆ สิ่งที่ตนอยากทำก่อนตาย คือ อยากให้การทำรัฐประหารที่ไม่เป็นประชาธิปไตยครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วเวลาจะบอกเองว่าใครที่ปกป้องประชาธิปไตยจริงๆ พรรคการเมืองของตนสนุกมาก เพราะพรรคเราไม่มีมรดกทางการเมืองที่ตกทอดมา ครั้งที่แล้วตนโหวตให้พรรคพท. แต่วันนี้ตนไม่รู้สึกว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นตัวแทนของตนได้แล้ว
นายธนาธร กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนเคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แต่ได้เดินออกมาจากการชุมนุมเมื่อมีสัญญานว่ากลุ่มพันธมิตร ชุมนุมเพื่อให้มีการรัฐประหาร ตนคิดว่า กระบวนการยุติธรรมต้องฟังก์ชั่นได้ ฝ่ายค้านต้องมีอำนาจตรวจสอบ ถ้ามีแบบนี้แล้วเป็นเผด็จการประชาธิปไตยก็คงต้องยอม การสร้างกระบวนการประชาธิปไตยเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานาน ดังนั้น ไม่ว่าระบอบทักษิณหรือรัฐบาลไหนมีปัญหาหรือไม่ เราต้องใช้ระบอบประชาธิปไตยในการแก้ปัญหาให้ถึงที่สุด รวมทั้งที่ผ่านมาจากเหตุการณ์ทางการเมืองมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ใครก็ตามที่ละเมิดสิทธิ และเสรีภาพของประชาชนต้องถูกลงโทษ ตนไม่ทราบเบื่องหลังว่าใครเป็นคนทำ แต่ที่คนทราบคือ ไม่มีคนรับผิดชอบ