นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นต่อการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใน 26 มีนาคม 2563 นี้ว่า มาตรการที่อยากเห็นในทางปฏิบัติ คือ
1.สร้างความเชื่อมั่น สร้างความมั่นใจแก่ประชาชน ด้วยการดำเนินการ ดังนี้
1.1 สร้างระบบให้เห็นภาพรวมชัดเจนว่า รัฐได้เตรียมโรงพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์ เวชภัณฑ์ ฯลฯ รวมทั้งการพัฒนาไปสู่โรงพยาบาลสนามเมื่อมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ๆ
1.2 สำรวจบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล ทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมที่จะระดมเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยรัฐบาลสามารถออกคำสั่งให้มาร่วมปฏิบัติงานได้ทันที
ประการสำคัญ การสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันตัวของแพทย์ พยาบาล ต้องพร้อมในสต๊อกอย่างพอเพียง รวมทั้งจัดสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
1.3 สร้างระบบความปลอดภัยแก่ประชาชนในภาพรวม ให้ประชาชนมั่นใจ ด้วยการสแกนทั้งประเทศ ดังนี้
นำผู้ติดเชื้อรายใหม่เข้า Quarantine ให้เร็วที่สุด เชื้อใหม่จากต่างประเทศต้องไม่เข้าประเทศไทยเพิ่ม ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาตามมาตรฐาน และเชื้อเก่าต้องฆ่าเชื้อทำความสะอาด
มาตรการดังกล่าวแม้จะเคยเสนอโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ขอได้โปรดอย่าคิดแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย เพราะในยามนี้ อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ประเทศชาติ ต้องบูรณาการ ร่วมมือกันทุกฝ่าย
2.ในสถานการณ์ฉุกเฉินจนนำไปสู่การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้ารัฐบาลไม่สามารถลากคอผู้ที่ทำให้หน้ากากอนามัยขาดแคลน หาซื้อยาก และราคาแพง ถือว่ารัฐบาลไม่มีฝีมือ ไม่มีความจริงใจ
ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ รัฐบาลต้องจัดการอย่างจริงจังกับคนที่ประพฤติชั่ว หากินบนความเดือดร้อน บนความเป็น ความตายของประชาชน และแพทย์ พยาบาล และรัฐบาลต้องหาหน้ากากอนามัยมาจำหน่ายแก่ประชาชนในราคา 2.50 บาท ตามราคาควบคุม ถ้าขายตามราคาควบคุมไม่ได้ แล้วกำหนดราคาควบคุมทำไม คิดต้นทุนการผลิตอย่างไร หรือถ้าจำเป็นต้องปรับราคาควบคุมใหม่ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลต้องจ่ายส่วนที่เกินจากราคาควบคุมเดิม
อย่างไรก็ตาม งานที่ต้องเดินควบคู่กันไป คือ หาคนที่ทำให้หน้ากากอนามัยขาดแคลนและมีราคาแพงมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ เมื่อใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ต้องจริงจัง อย่าเพียงจับแต่ปลาซิว ปลาสร้อย ดังเช่นที่ผ่านมา
ถ้าระบบชัดเจน ความมั่นใจของประชาชนก็จะตามมา ขอให้กำลังใจทุกภาคส่วนครับ โดยเฉพาะแพทย์ พยาบาล ที่ทำงานหนักเพื่อพวกเรา เอาใจคนไทยไปเต็ม ๆ เราจะร่วมกันรณรงค์ให้คนไทยมีวินัย เคร่งครัดในวินัย โดยเริ่มที่ครอบครัวเราก่อน อยู่บ้าน ไม่ออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น เราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน