หน้าแรก Article “พริษฐ์ วัชรสินธุ” และอนาคตที่ว่างเปล่าของ ปชป.

“พริษฐ์ วัชรสินธุ” และอนาคตที่ว่างเปล่าของ ปชป.

0
“พริษฐ์ วัชรสินธุ” และอนาคตที่ว่างเปล่าของ ปชป.
Sharing

ชัดเจนว่าโปรไฟล์ด้านการศึกษาไม่ธรรมดา จบวิทยาลัย อีตั้น ด้วยทุนคิงส์ คอลเลจ ก่อนต่อภาควิชาปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย อ๊อกฟอร์ด สำหรับ “พริษฐ์ วัชรสินธุ” หรือ “น้องไอติม” หลานชายสุดที่เลิฟของอดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ที่ได้ชื่อว่าเป็นความหวังประชาธิปัตย์ ล่าสุด ประกาศชัดในงาน “อนาคตประเทศไทยไปทางไหน” เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมาว่าพร้อมเล่นการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์ นับว่าน่าชื่นชมในจุดยืน อยากมาพัฒนาชาติไทย

งาน “อนาคตประเทศไทยไปทางไหน” ถือเป็น “บิ๊กอีเว้นท์” ประจำเดือนมีนาคม ที่มีนักการเมืองระดับแม่เหล็กเข้าร่วมงานถึง 3 ท่าน คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายอนุทินชาญวีรกูล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แต่ละนามโปรไฟล์ไม่ธรรมดา เป็นระดับหัวหน้าพรรค แคนดิเดทหัวหน้าพรรค บางคนมีข่าวถึงขั้นจะเป็นนายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว

แต่ที่เซอร์ไพรส์ที่สุด คือ การปรากฏตัวของ “พริษฐ์” นี่เอง เพราะดูพรรษาแล้วรุ่นหลาน แต่มาในนามของพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมไม่ธรรมดา

และไม่ทำให้คนดูต้องผิดหวังเลย กับทัศนะของ “พริษฐ์” ที่ยืนหยัดหลักการตามแบบฉบับประชาธิปัตย์ ไม่มีหลุดกรอบ เสมือนเป็นร่างโคลนนิ่งของนายอภิสิทธิ์ก็ไม่ปาน เพราะลูกล่อ ลูกชนทางการเมืองนับว่าเยี่ยมยอด อาศัยเวที อนาคตประเทศไทยพาคนดูกลับไปสู่ยุคอดีตชาติ  หาช่องโจมตีทั้งระบอบทักษิณ ทั้งเรื่องเผด็จการรัฐสภาแบบเนียนๆ ลงท้ายด้วยตีกินเรียกคะแนนเสียงกับ “ประชาธิปไตย”

“ในความฝันของตน ตนอยากเห็นประเทศที่มีความหลากหลาย และลดความเหลื่อมล้ำ ตนอยากให้คนไทยมีอิสระที่จะมีความเห็นต่าง มีอิสระภาพในการเลือกที่จะทำอาชีพอะไร เราต้องทำประเทศให้กลับมาอยู่ในระบอบประชาธิปไตย และไม่กลับอยู่ในระบอบอื่น นอกจากนี้ รัฐมีหน้าที่ต้องทำให้ทุกคนมีโอกาสเท่ากัน มีโอกาสทางเศรษฐกิจ รายได้ เราอาจะต้องรื้อระบบบางอย่าง เช่น ระบบการศึกษาให้ทุกคนมีความรู้ สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เป็นต้น”

“นอกจากนี้ ประเทศไทยมีภัยคุกคาม 2 ด้าน คือ เผด็จการจากการทำรัฐประหาร และเผด็จการที่เห็นประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือที่ในการออกกฎหมาย และหาผลประโยชน์ “

ขยับเปิดเกมด้วยตรรกะของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหมายถึงการโจมตีสิ่งที่เรียกว่าระบอบเผด็จการรัฐสภาใช้หรือไม่ ???

นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า “ถ้าคำว่า ระบอบทักษิณ คือการลดความเหลื่อมล้ำให้กับคนในประเทศ ตนก็คงเป็นคึอหนึ่งในระบอบทักษิณ แต่ถ้าระบอบทักษิณคือการที่มีนโยบายที่ดีแล้วมีการคอรัปชั่นเขามาเกี่ยวข้องตนคิดว่า ตนไม่เอาด้วยกับระบอบนี้ เพราะตนเชื่อว่า นโยบายที่ดีไม่จำเป็นต้องมีการคอรัปชั่น”

ก็ยังวนเวียนกับคำว่าระบอบทักษิณ แม้จะมีชั้นเชิงด้วยคำว่า “ถ้า” นำหน้า แต่ ณ ปัจจุบัน เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธระบอบทักษิณ และ “พริษฐ์” ก็สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ก็มิเคยโต้แย้งแนวทางนี้

ก็เท่ากับ “พริษฐ์” กำลังแสดงจุดยืนไม่เอาระบอบทักษิณ

ต้องย้อนกลับไปมองว่าบ้านเมืองเราวนเวียนอยู่กับวาทกรรม “เผด็จการรัฐสภา-ระบอบทักษิณ” มาหลายปี และหวังว่าจะมีใครสักคนพาชาติก้าวข้ามให้พ้นหล่มวาทกรรม เพื่อไปสู่สิ่งที่ดีกว่า แต่ชัดเจนว่า “คนนั้น” ไม่ใช่คนที่ชื่อ “พริษฐ์ วัชรสินธุ”

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ก็หวังให้ใครสักคน นำชัยชนะมาสู่พรรคเสียที หลังจากพ่ายแพ้มาเกือบ 2 ทศวรรษ โดยเฉพาะช่วงหลังกับการโจมตีเรื่อง “ระบอบทักษิณ – เผด็จการรัฐสภา” นั้นชัดเจนว่า ได้ใจแค่ลูกค้ากลุ่มน้อย

มาวันนี้ เมื่อ “พริษฐ์” นำสินค้าเดิมกลับมาขาย ก็โบกมือลาชัยชนะในสนามเลือกตั้งได้เลย

ความตลกคือภายในงานที่เกิดขึ้น นักการเมืองในกลุ่มที่อยู่ในข่าย “รุ่นเก่า” พูดถึงอนาคต พรรคภูมิใจไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล เรียกร้องสปีริตนักการเมือง ปิดช่องทางอำนาจนอกระบบป่วนการเมืองไทย คุณหญิงสุดารัตน์ พูดถึงการนำเทคโนโลยีมาสร้างรายได้ แต่นักการเมืองรุ่นใหม่อย่าง “พริษฐ์” กลับวนเวียนอยู่กับระบอบทักษิณ

“พริษฐ์” คืออนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ แต่วันนี้ ยังไม่ใช่อนาคตของคนไทย

Ringsideการเมือง


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่