นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยจัดการประชุมผ่านระบบวีดีทัศน์ทางไกล (VCS) เพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาฯ หรือโควิด-19 เมื่อวันที่ 7 เม.ย.63 ที่ผ่านมาโดยมีนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมนั้น
ในการประชุมดังกล่าว มีการตั้งคำถาม-คำตอบในที่ประชุมว่า อปท.จะสามารถใช้งบกลางในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่ ซึ่งกลับมีคำตอบว่ากรณีโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ “ยังมิใช่สาธารณภัย” จึงไม่สามารถเบิกจ่ายจากงบกลางได้ และต่อคำถามที่ว่าโรคติดเชื้อโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขแล้วหรืออย่างไร แต่กลับได้รับคำตอบจากมหาดไทยว่า กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้โรคไวรัสโคโรนาฯเป็นโรคติดต่ออันตราย เมื่อวันที่ 26 ก.พ.63 แต่ยังไม่ได้ประกาศให้เป็นโรคระบาดตาม พรบ.โรคติดต่อ 2558 จึงไม่จัดว่าเป็น “สาธารณภัย”
คำตอบดังกล่าวสวนทางกับเจตนารมณ์ของกฎหมายหลายฉบับ อาทิ ตาม พรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2550 ได้ให้คำนิยามของคำว่า “สาธารณภัย”ใน ม.4 ว่าหมายความรวมถึงโรคระบาดในมนุษย์ อันมีผลกระทบต่อสาธารณชน ไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติ มีผู้ทําให้เกิดขึ้น หรือเหตุอื่นใดซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน อีกทั้งใน“ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 2562 ได้บัญญัติคำว่า “ภัยพิบัติ” หมายความว่า “สาธารณภัย” อันได้แก่ ภัยอันเกิดจากโรคที่แพร่หรือระบาดในมนุษย์ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน นอกจากนั้น ในเหตุผลของคำประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มี.ค.63 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่าโรคโควิด-19 เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายและเป็นอันตรายอย่างมากต่อชีวิตของผู้ได้รับเชื้อ ซึ่งองค์การอนามัยโลกยังต้องประกาศให้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นการระบาดใหญ่ รัฐจึงต้องใช้มาตรการเข้มงวดและเร่งด่วนเพื่อควบคุมมิให้โรคแพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง ฯลฯ แต่กระทรวงมหาดไทยกลับตีความว่าการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ไม่จัดว่าเป็น “สาธารณภัย” ซึ่งทำให้ อปท. ไม่สามารถใช้งบกลางมาช่วยเหลือประชาชนได้
กรณีดังกล่าว เชื่อว่าอาจเป็นความพยายามของกระทรวงมหาดไทย ในการกีดกัน อปท.ในการนำงบกลางมาช่วยเหลือประชาชนในแต่ละท้องที่ เพื่อที่ตนจะได้ใช้งบกลางแต่เพียงผู้เดียวในการสร้างผลงานของตน โดยมีชาวบ้านเป็นตัวประกันนั่นเอง และยิ่งมีการเกลี่ยงบจากทุกกระทรวง 10% มาไว้เป็นงบกลางเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 นั้นจะแก้ปัญหาให้ถั่วถึงได้อย่างไร ซึ่งสมาคมฯไม่เชื่อว่าในยุคพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีพล.อ.อนุพงษ์ เป็น รมว.มหาดไทย จะใช้เล่ห์ฉลหรือวิธีการบริหารบ้านเมืองเยี่ยงนี้ได้ นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด