ยังไม่มีที่มาที่ไป กับตัวเลขโพลลับของ “ไอ้โม่ง” ที่ระบุว่าสอดคล้องกับโพลฝ่ายความมั่นคง ที่พรรคเพื่อไทย จะกวาด ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ถึง 230 ที่นั่ง
เป็นตัวเลขที่น่าตื่นตะลึง และจะเปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองไทยครั้งใหญ่ เพราะอันที่จริง เพียงเพื่อไทยสามารถโกย ส.ส.ได้ 200 ที่นั่ง ก็สามารถกำหนดเกมการเมืองไทยได้สบายบรื๋อ หากจะเป็นรัฐบาลย่อมมีหลายพรรคจับมือด้วย หากจะเป็นฝ่ายค้าน ก็บีบ “สภา” ไว้ในกำมือได้เลย
แต่ถ้าได้ 230 ที่นั่งตามกระแส พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแน่นอน และเป็นการตอกกลับฝ่ายต้านชนิดชนะน๊อกลงไปกองนอนสลบนับ 10 ยังไม่ตื่น ต้องไปฟื้นสภาพกันอีกหลายปี
แน่นอนสำหรับ ดร.ทักษิณ ย่อมออกมารับลูก แสดงความมั่นใจกับผลโพล “ไอ้โม่ง” ระบุว่า เพื่อไทยจะชนะแบบแลนด์สไลด์อีกครั้ง เพื่อเป็นการตอกย้ำความนิยมของพรรคเพื่อไทย ที่ยังไม่เสื่อมคลาย ดึงให้พวก “แตกแถว” กลับมาอยู่ในระเบียบ
เอาความนิยมพรรคมาล่อ
ฝ่ายความมั่นคง อย่าง “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ออกมาทำลายเครดิทของโพลดังกล่าวทันที ระบุว่า
ไม่เคยทำโพลลักษณะนี้มาก่อน และไม่เชื่อด้วยว่าพรรคเพื่อไทยจะกวาดที่นั่ง ส.ส.ได้ขนาดนั้น
จับสีหน้าอาการของ “บิ๊กป้อม” ตอนให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ ไม่มีแววตื่นตระหนก ซ้ำยังเป็นการหยุดให้สัมภาษณ์ ต่างจากที่ผ่านมา
หากเป็นเรื่องที่ตอบลำบาก “บิ๊กป้อม” จะเดินหนีสื่อมวลชน
“บิ๊กป้อม” เอง มั่นใจในคำตอบว่า พรรคเพื่อไทย ไม่มีทางจะกวาดที่นั่งแบบแลนด์สไลด์ ได้แบบการเลือกตั้งหลายครั้งล่าสุด
ตัวเลข 230 เสียงมากจากไหน ?
ปัจจุบันการเลือกตั้งใช้ระบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” มีบัตรเลือกตั้งเพียง 1 ใบ และไม่มีคะแนนตกน้ำ คะแนน 7.06 หมื่นเสียง จะได้ ส.ส. 1 คน
หากคิดกันในระบบล่าสุด เมื่อเทียบกับผลการเลือกตั้งปี 2554 ที่ 15.7 ล้านเสียง จากผู้มาลงคะแนน 35.3 ล้านเสียง เท่ากับเพื่อไทยยังกวาดที่นั่งได้ถึง 222 ที่นั่ง น้อยกว่าที่คาดไว้เพียง 8 ที่นั่งเท่านั้น
ตัวเลข 230 ที่มาจากการคำนวณในลักษณะดังกล่าว บวกใส่สีตีไข่อีกเล็กน้อย
ปัจจัยบวกของเพื่อไทยคือมวลชนยังสนับสนุนอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ปัจจัยลบคือ “สมาชิกพรรคเพื่อไทย” หลายคน ยังติดขึ้นโรง ขึ้นศาล อีกจำนวนมากโดนสอยไปแล้ว หมดสิทธิ์เล่นการเมือง เมื่อถึงวันเลือกตั้ง ไม่รู้ว่าจะเหลือสมาชิกคนไหน ที่ยังสามารถลง ส.ส. ได้บ้าง
ขณะเดียวกัน มีข่าวแว่วมาว่า ส.ส.หลายคน พร้อมจะแยกค่าย เพราะตราบที่อยู่ในชื่อของเพื่อไทย ล้วนอุดมด้วยความไม่แน่นอน การเมืองมีช่องให้เล่นงานสารพัด เพราะอำนาจขั้วตรงข้ามก็ “ไม่ธรรมดา”
ยังไม่นับรวมปัจจัยฝ่ายประชาชน ที่ถูก “บีบ” ให้เรียนรู้แล้วว่า การ “ขืน” เลือกเพื่อไทย สุดท้ายจะได้อะไรตามมา ที่ชัดเจนคือการเตะสกัดตัดขาทุกรูปแบบ
ตั้งแต่ตีรวนในสภา บีบฝ่ายการเมืองให้เปลี่ยนขั้ว จัดการชุมนุม ไปจนถึงยึดอำนาจ ที่ไม่เพียงแต่เล่นงานพรรคเพื่อไทย แต่ประชาชนย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย
และเอาเข้าจริงนโยบายประชานิยมที่เป็นจุดขาย ฝ่ายพรรคการเมืองอื่น หรือแม้แต่ฝ่ายทหาร ก็ทำได้ และในระยะเวลาที่ยาวนานกว่า
เฉกชั่นโครงการประชารัฐ และไทยนิยม ที่อัดฉีด แบบไม่แคร์สื่ออีกต่อไป เพื่อพยายามตีกรอบให้ประชาชนรู้ว่า “ใครคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์คนไทย ในระยะยาว มากกว่า” เพื่อทำแต้มนำ “คะแนนเห็นใจ ดร.ทักษิณ”
ทั้งนี้ หากยังทำไม่สำเร็จ พรรคเพื่อไทยยังคะแนนนำแบบแลนด์สไลด์ ฝ่าย คสช.มีหมากยื้อเลือกตั้งให้เลือกเล่น เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ได้กำหนดว่าต้องเลือกตั้งเมื่อไร แถมกฎหมายลูกสามารถชักเข้า ชักออก ไปกองอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เรื่อย
ตามกฎหมายไม่มีใครบังคับด้วยว่าศาลต้องใช้เวลาตัดสินกี่วัน กี่เดือน กี่ปี
ทั้งนี้ คะแนนความปลาบปลื้มพรรคเพื่อไทย คือกระแสทางการเมือง มีขึ้น มีลง เช่นเดียวกับกระแส คสช. ย่อมมีขึ้น มีลง เหมือนกัน
แต่ความต่างคือ คสช. เป็นฝ่ายที่สามารถคุมกระแสได้ เพราะอำนาจ และทรัพยากรอยู่ในมือ จะทำโครงการลดแลกแจกแถมซื้อใจประชาชน ปั่นคะแนนก่อนถึงขีดสุด ก่อนจัดเลือกตั้งปุบปับ ตีกินทางการเมือง หาใช่เรื่องยาก
หรือจะยื้อรอเวลาให้คนไทยหายจากอาการ “คิดฮอดทักษิณ” ก็ทำได้ เพราะด้วยธรรมชาติของคนไทย ตราบใดที่คนไทยอยู่ไหว กินได้ รับประกันว่า “ไม่มีการแข็งขืน”
ครั้นก่อนจัดเลือกตั้ง ยังสามารถปรับแต่งกฎหมายเลือกตั้งได้อีก เพราะมี ม. 44 ในมือ ไม่รวมข้าราชการอีกนับล้าน ที่อยู่ใต้บัญชา
จึงไม่น่าแปลกใจที่ “บิ๊กป้อม” จะไม่แยแสกับผลโพลของ “ไอ้โม่ง”
Ringsideการเมือง