นายพิสิทธิ์ กีรติการกุล นักสื่อสารมวลชน เปิดเผยกับทีมข่าว ริงไซด์การเมือง ในประเด็นความเคลื่อนไหวการเมือง ว่า ถึงตรงนี้ต้องดูว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.ว่าจะทำตามที่ประกาศไว้หรือไม่เพราะเคยประกาศเลือกตั้งมาหลายครั้งแล้ว ก็เลื่อนมาตลอด แต่ประเทศไทยต้องกลับมาสู่การเลือกตั้ง ส่วนหลังการเลือกตั้ง ก็ต้องมาลุ้นว่าจะเป็นโมฆะอีกหรือไม่ พร้อมกันนี้ที่ผ่านมาพบว่าการกดดันจากต่างประเทศไม่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของผู้นำไทย
นาย พิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า กองทัพคิดเสมอว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ผู้นำรัฐบาล หากขัดแย้งกับกองทัพก็อยู่ลำบาก ที่ผ่านมา พบว่าผู้นำรัฐบาลของไทยต้องยอมกองทัพตลอด ในต่างประเทศก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่กองทัพเคยใหญ่แต่สุดท้ายหากประชาชนไม่เอากองทัพก็ต้องถอยออกจากการเมืองไป
นาย พิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า พลังของคนรุ่นใหม่ยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศเพราะมีกำลังน้อย แนวร่วมน้อยเกินไป หากเทียบกับสมัย 14 ตุลาคม
คนส่วนใหญ่ยังไม่กล้าร่วมกับนักศึกษาที่ต้านคสช.หรือสถานการณ์ยังไม่สุกงอม ดังนั้นประชาชนจึงมองไม่เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย เป็นเรื่องยากที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ทางที่ดีที่สุด นักการเมืองรุ่นใหม่ต้องต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง เพราะไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือคนรุ่นเก่าสุดท้ายประชาชนจะเป็นคนกำหนดทิศทางประเทศไทยในอนาคต
เชื่อว่าการหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะแข่งกันระหว่างฝ่ายเอา – ไม่เอา นายกรัฐมนตรีคนนอก ที่สำคัญคือทุกพรรคการเมืองและนักการเมืองต้องเคารพกติกาและเคารพการตัดสินใจของประชาชน หากประชาชนตัดสินอย่างไรทุกคนต้องยอมรับมติของมหาชนที่เขาเลือกผู้บริหารประเทศอย่าไปคิดแทนเขา