หลังสงกรานต์คงสนุกกันแน่สำหรับสนามการเมือง เพราะนับแต่เปิดให้แสดงตน ก็ชัดเจนในหลายพรรคการเมือง มีการเช็กรายชื่อทั้งส.ส.เก่าและหน้าใหม่ที่จะอยู่กับพรรคต่อไปหรือย้ายไปพรรคอื่น
ต้องจับตาดูว่าใครจะมาใครจะไป
การเลือกตั้งไม่รู้ว่าในปี 2562 จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ แต่หากจะเลื่อก็ไม่น่าจะเกิน 2 เดือน คือการเลือกตั้งอาจจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2562 ก็เป็นได้ มีข้อแม้ว่ากฏหมายผ่านความเห็นชอบและผ่านการตีความจากศาลรัฐธรรมนูญแล้วไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการเลือกตั้ง
ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายแต่ที่น่าสนใจคือ การเดินเกมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.ที่ประกาศตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา หลังจากรอพรรค SME ตัดสินใจไม่ไหว เพราะทั้งภูมิใจไทย ชาติไทย ยังรอดูกระแสประชาชน ไม่ทันใจทหาร
โดยกลุ่มก้อนของนาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดหน้าสนับสนุน บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ชัดเจน
ทำให้คอการเมืองหันมาจับจ้องไปยัง “พรรคพลังประชารัฐ” ที่ว่ากันว่าเป็นตัวจริงเสียงจริง ท่ามกลางกระแสข่าวการวางตัว นาย อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และ นาย สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ มาร่วมเป็นกำลังขับเคลื่อนพรรค
การเดินเกมที่ค่อนข้างชัดเจนของ “นายพล ด.”ที่เดินเกมดึงอดีตส.ส.เข้าพรรค ว่ากันว่ามีการดึงกลุ่ม สะสมทรัพย์ กลุ่มมัชฌิมา ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และกลุ่มพลังชล ของนายสนธยา คุณปลื้ม เข้ามาสร้างฐานการเมืองให้แข็งแกร่ง และการที่ “เฮียกวง”ขาใหญ่ในคสช.มีการนัดทานข้าวแบบลับๆที่สถานที่แห่งหนึ่งกับอดีตแกนนำกปปส.ก็มีแนวโน้มถึงการตั้งพรรคการเมืองของกลุ่มกปปส.เช่นกัน
ดังนั้นการเดินเกมนี้มีตำแหน่งรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาล เป็นของกำนัล
ทั้งนี้ ให้จับตาดูท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะที่ผ่านมาก็เล่นบทตีสองหน้า อีกทีมตีอีกทีมประโลม เพียงแค่เกมการเมืองเท่านั้น ดังนั้นเกมนี้เป็นเกมที่น่าสนใจว่าจะเดินไปทางไหน
กลับมาที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกสมัยหนึ่ง การจัดวางอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จะนั่งหัวหน้าพรรค และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นเลขาธิการพรรค โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะนั่งในตำแหน่งที่ปรึกษาพรรค ซึ่งจะมีการเปิดตัวในเดือน มิ.ย.นี้
แม่ทัพเศรษฐกิจของพล.อ.ประยุทธ์ จึงส่งสัญญาณให้อุตตมเร่งทำงานอย่างหนักในทุกมิติ เพื่อให้โครงการนี้เดินได้ เพื่อสร้างเป็นผลงานชิ้นโบแดงให้แก่พรรคการเมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้นในกลางปีนี้ การจัดตั้ง “มูลนิธิสัมมาชีพ”เพื่อนำเอาแนวคิดและแนวปฏิบัติมาปรับเป็นนโยบาย ประชารัฐ ในการดึงเอกชนมาร่วมมือกับชุมชน หลังสมคิดได้รับการแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด
นี่คือเกมใหม่ที่คสช.จัดวางไว้ แต่กระนั้นก็ตามหลังจากนี้จับตาดูให้ดีหลังมิถุนายนนี้เกมจะชัดเจนหลัง พล.อ.ประยุทธ์ มีการปรับครม.ใหม่หวังดึงฐานเสียงสนับสนุนเต็มที่ การจัดวางคนใหม่เพื่อโกยฐานเสียงและการเจรจากับพรรคการเมือง เป้าประสงค์เดียวคือดัน พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้งท่ามกลางการสนับสนุนของนักการเมืองและพรรคการเมือง
แต่ดีลนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งในอนาคต ว่า หลังปิดหีบแล้วพรรคไหนจะมาเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าพรรคในมือคสช.กุมความได้เปรียบ กวาดเสียงทะลุ 150 เสียง บวกพลัง สว. ก็ได้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากนั้นเปิดเกมดีลพรรคขนาดเล็ก-กลาง ให้มายกมือหนุน หลังเข้าสภาไปแล้ว
แต่หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ได้เสียงข้างมากเกิน 200 เสียง ที่ดีลที่ดิวกันไว้ยกเลิก ต่างคนต่างไป จบเกม
Ringsideการเมือง