ประสบความสำเร็จไปอีกขึ้นกับเกมดัน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯหลังรัฐบาลมีมติตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม เข้ามาเป็นที่ปรึกษาทางการเมือง พ่วงน้องชายนายอิทธิพล คุณปลื้ม มาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ที่อาจจะหมายถึงการมีอดีต ส.ส. สังกัดพรรคพลังชล ในมือ 6 คน เป็นเสียงสวรรค์
เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพียงต้องการพรรคการเมืองที่มี ส.ส.25 เสียง ก็สามารถเสนอชื่อสมาชิกพรรค ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
คาดกันว่าพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นแกนนำในการชู “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเบื้องหลังอย่างนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ล้วนเป็นเด็กในคาถาของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฝ่าย คสช.
แม้ปัจจุบันนายสนธยา ยืนยันว่า ไม่มีทางทิ้งพลังชล แต่การเมืองเป็นเรื่องไม่แน่นอน
ทั้งนี้ การเข้ามาทำงานร่วมกับ คสช. นับเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งของฝ่ายหนุน “บิ๊กตู่”
ระหว่างรอสมาชิกพรรคพลังชลย้ายมาร่วมพรรคพลังประชารัฐตามแผน คสช. เร่งเครื่องจับมือนักการเมือง กลุ่มการเมือง ประกอบร่างให้ได้ 25 เสียง ตามแผน
เบื้องหลัง “บิ๊กดีล” อ่านหน้าการเมือง รัฐบาลและ คสช. มาถูกทางที่ดิลกับตระกูลคุณปลื้มก่อน เนื่องจากเจรจาง่าย เพราะกลุ่มคุณปลื้ม เลือกโลว์โปรไฟล์ทางการเมือง ไร้คู่ขัดแย้ง และคุมพรรคพลังชลอย่างเบ็ดเสร็จ การเจรจาต่อรอง มุ่งเป้าไปที่กลุ่มเดียวได้ทันที ต่างจากกลุ่มการเมืองอื่น ที่มีหลายก๊ก หลายเหล่า คุยแล้วต้องผ่านหลายทอด
การได้นายสนธยา มาไว้ข้างกาย หากมองในเชิงการเมืองถือว่าคุ้มค่า เพราะนายสนธยา มีความอาวุโสทางการเมือง ชัดเจนว่ามากบารมี นอกจากนั้นยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคชาติไทยพัฒนา ด้วยเคยร่วมงานกันมาก่อน จนแว่วมาว่าในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนาเอง ก็มี “บางคน” แพ็กกระเป๋าเตรียมตัวแล้วเช่นกัน
หลังจากรัฐบาลได้กลุ่ม “คุณปลื้ม” มาร่วมงาน อนาคต น่าจะถึงคิวของกลุ่ม “สะสมทรัพย์” ที่มีอดีต ส.ส.นครปฐม อยู่ในมือ 3-6 คน อย่างไรก็ตาม การดึงตระกูลสะสมทรัพย์มาร่วม เป็นโจทย์ยากพอสมควร เพราะพื้นที่นครปฐม ขึ้นชื่อเรื่องแดงแจ๋ การย้ายสลับด้าน ย่อมทำลายศรัทธาประชาชนที่มีให้กลุ่มสะสมทรัพย์
และฝ่ายเพื่อไทย ชัดเจนว่าไม่ยอมปล่อยตัวมาง่ายๆ เนื่องจากพรรค จัดสมาชิกพรรคระดับแกนนำขอตีกอล์ฟกับคน “สะสมทรัพย์” ปรับความเข้าใจทุกครั้งที่มีข่าวแยกข้างย้ายขั้ว
นอกจากนั้น ฝ่ายรัฐบาลยังเล็งกลุ่ม “มัชฌิมา” ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และเดินเกมไปแล้วตั้งแต่เมื่อคราวลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย สำหรับกลุ่มนายสมศักดิ์ ถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ มีอดีต ส.ส. ในมือ 12 – 15 คน โอกาสที่ คสช. จะดึงกลุ่มนายสมศักดิ์เข้าร่วมพรรค มีความเป็นไปได้สูงยิ่ง เพราะที่ผ่านมากลุ่มนี้ ก็ขยับเขยื่อนเคลื่อนไหว ไปพรรคนู้น พรรคนี้ อยู่ตลอด เรียกว่าผ่านมาหลายขั้วทั้งเพื่อไทย ภูมิใจไทย ปัจจุบัน ยังไม่สังกัดพรรคไหนทั้งสิ้น
อีกกลุ่มหนึ่ง ที่ชัวร์ว่ามาร่วมงานกับ คสช. แน่นอนคือกลุ่มของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่มีอดีต ส.ส.พร้อมใช้งาน 2-6 คน ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศตัวชัดเจนว่าสนับสนุน คสช. เต็มตัว
สำหรับกลุ่มที่มีข่าวกับ คสช.มาตลอดก่อนหน้านี้ อย่างพรรคภูมิใจไทย กลับไม่ใช่เป้าหมายอีกต่อไป ด้วยความชัดเจนของแกนนำ และสมาชิกพรรคหลายคนที่ยืนยันชู “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกรัฐมนตรี เท่ากับดับความหวังของ คสช. ไปในที
เมื่อนำตัวเลขอดีต ส.ส.จากทุกกลุ่มที่มีข่าวกับ คสช. มารวมกัน คำนวณในระบบการนับคะแนนแบบใหม่ ตัวเลข ส.ส.25 คน เพื่อเสนอชื่อ “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่แค่ความฝันแน่นอน
Ringsideการเมือง