เรียกว่าระดมมาทุกสารทิศ กับกองเชียร์ “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ล่าสุด ถึงคิวรุ่นใหญ่อย่างพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ออกโรงหนุนอีกแรง ความน่าสนใจคือ “บิ๊กอ๊อด” หาใช่นายทหารชั้นธรรมดา แต่ชื่อชั้นเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะที่ปรึกษาด้านความมั่นคง สมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
นอกจากตำแหน่งแล้ว คำตอบของ “บิ๊กอ๊อด” ยิ่งน่าเก็บไปคิด ด้วยคำตอบที่ว่า
“หนุน(บิ๊กตู่)อยู่แล้ว เพราะเราเป็นพี่น้องกัน มีความหวังดีต่อกัน มีความเป็นห่วง และที่ผ่านมา นายกฯ ก็ให้เกียรติตนมาตลอด และที่สำคัญ ตนได้รับปากกับผู้ใหญ่ไว้ ว่าจะช่วย พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องช่วย”
ใครคือผู้ใหญ่คนนั้น แต่เมื่อคนระดับ “บิ๊กอ๊อด” เรียกว่าผู้ใหญ่ย่อมไม่ธรรมดา
ความไม่ธรรมดาดังกล่าวถือว่าเป็นความปกติในการเมืองไทย ที่แสนจะ ลึกลับซับซ้อน อุดมไปด้วยดีลเหนือดีลที่สุดจะหยั่งถึง
ความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กอ๊อด” ถือเป็นคนนอก ที่ทรงบารมี ที่เข้ามาอุ้ม “บิ๊กตู่” เป็นรายแรกๆ เพราะก่อนหน้านั้น กองเชียร์มักจะมาจากคนกันเอง อาทิ นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายสะเทพ เทือกสุบรรณ ที่เปิดหน้าหนุนกันมาตั้งแต่ปีมะโว้
กระทั่งถึงยุคของมือไม้ ที่เรียงหน้าออกมาเชียร์ “บิ๊กตู่” ทั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายอุตม สาวนายน เป็นต้น
ไม่นับรวมพี่น้องทหารกล้า ที่คงความเป็นปึกแผ่นในกองทัพ จับอาการความ “เอ็นดู” ที่ “ป๋าเปรม” มีให้ “บ๊กตู่” ที่สยบฝ่ายกองแช่ง ให้เงียบสนิท หยุดมโนถึงความแตกแยกในกองทัพได้เลย โดยเฉพาะการจัดโผโยกย้ายทหารครั้งนี้ ที่แม่ทัพนายกองทุกระดับชั้น ได้โอกาสแสดงความเห็น หาใช่มัดมือชก เช่นในอดีต จึงเรียกเสียงปรบมือจากฝ่ายทหารเป็นอย่างดี
จับกระแสที่ฝ่ายธุรกิจ ต้องบอกว่าบรรดา “สภาธุรกิจ” ทั้งหลาย ไม่มีเสียงขานรับอะไรทั้งสิ้น นอกจากเผยตัวเลขการเติบโตระดับมหภาค ก็น่าจะเป็นสัญญาณว่าพอใจแล้ว กับระบบที่ดำรงอยู่ภายใต้รัฐบาล คสช. เพราะหากไม่พอใจ รับรองได้จัดงานตั้งโต๊ะวิพากษ์รัฐบาล ชนิดไม่ไว้หน้าแน่นอน เช่นที่เคยเกิดขึ้นในยุคของ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”
มาบัดนี้ คสช. บิ๊กตู่ สบายใจ กองหนุนพรึ่บ
ถ้าหากเปรียบเทียบกับ “แผนขนมชั้น” ในยุคก่อตั้งพรรคไทยรักไทย กับแผนดัน “บิ๊กตู่” ขึ้นเป็นนายกฯ จะพบความเหมือน
เพราะ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้รวบเอาเหล่าเทคโนแครต นักธุรกิจ มาร่วมตั้งพรรค อาทิเช่น พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตที่ปรึกษาพิเศษกองบัญชาการทหารสูงสุด ธีรภัทร เสรีรังสรรค์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด สุวรรณ วลัยเสถียร อดีตที่ปรึกษากฎหมายธนาคารโลก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตที่ปรึกษาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พันธุ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตประธานทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุนหะวัณ, พันธุ์เลิศ ใบหยก, กันตธีร์ ศุภมงคล, สารสิน วีระผล, สิริกร มณีรินทร์ และปภัสรา ตรังคิณีนาถ
ก่อนเสริมแกร่งด้วยนักการเมืองอาชีพ หากไล่ตามเวลาในช่วงปี 2542 – 2543 จะพบว่ามีนักการเมือง/กลุ่มการเมือง ที่ย้ายเข้าสู่พรรคไทยรักไทยเป็นจำนวนมาก จนทำให้พรรคไทยรักไทยกลายสภาพเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ในเวลาเพียงครึ่งปี
พรรคไทยรักไทยมี ส.ส.แชมป์เก่าอยู่แล้วประมาณ 130 คน ซึ่งสามารถแบ่งเป็นกลุ่มการเมืองได้ ดังนี้คือ กลุ่มพลังธรรม – พลังไทย /กลุ่มวังน้ำเย็น /กลุ่มพรรคความหวังใหม่ /กลุ่มพรรคชาติพัฒนา /กลุ่มพรรคชาติไทย /กลุ่มพรรคกิจสังคม /กลุ่มพรรคประชาธิปัตย์
หลังจากนั้น จึงสยายไมตรีสู่พรรคชาติไทย ความหวังใหม่ ก่อนรวบมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จนทำให้พรรคไทยรักไทย และรัฐบาล มีความแข็งแกร่งที่สุด
แผนการดังกล่าว หาได้ต่างจากสิ่งที่ คสช.กำลังเดินเกมอยู่
เพียงรอนักการเมืองมาโปะชั้นสุดท้าย ก่อนลงเลือกตั้ง เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
ที่ขณะนี้ พ่อครัวกำลัง รวบรวมวัตถุดิบ ที่ล่าสุด มีสัญญาณว่าได้กลุ่มพลังชลมาร่วมแล้วแน่นอน มีสัญญาใจ ให้เป็นที่ปรึกษานายกฯ ผู้ช่วยรัฐมนตรี จากนี้ ต้องดึงนักการเมืองอาชีพมาไว้ในคลังให้ได้มากที่สุด ผ่านการเจรจาต่อรองของเซียนการเมืองชั้นครู ที่อยู่ในฝ่าย คสช. ทั้งทหาร ทั้งข้าราชการ ทั้งนักธุรกิจ
ครั้งหนึ่ง พรรคไทยรักไทย ก็เคยใช้สูตรนี้ จนประสบความสำเร็จ ด้วยเป็นวิถีทางการเมืองแบบสำเร็จรูป ไม่จำเป็นต้องไปสร้างฐานเสียง หาความชอบให้เสียเวลา สู้ “ช๊อปปิ้ง” ของเกรดพรีเมียมในตลาดการเมือง สบายใจกว่า
หากครั้งนี้ คสช.จะเล่นมุขเดิมบ้าง ก็หาใช่เรื่องประหลาด เพราะ “แผนขนมชั้น” ไม่เคยมีใครจดลิขสิทธิ์ แถมคนที่เดินเกมให้ คสช. ก็คือ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” นั้น เคยเป็นส่วนหนึ่งของแผนขนมชั้นในยุค “ไทยรักไทย”
ย่อมคุ้ยเคยกับสูตรการเมืองแบบนี้ เป็นอย่างดี
Ringsideการเมือง