ภาพการเมืองที่วุ่นวายในขณะนี้ เกิดการดีลทางการเมืองมากมายภายใต้บริบทการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น การโหมโรงประเดิมด้วยเกมการดูดนักการเมืองของพลพรรคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หริอ คสช.ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีการดึงนาย สนธยา คุณปลื้ม เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในรัฐบาล หรือ ข่าวว่าจะมีการประสานงานกับกลุ่มอื่นๆไม่ว่าจะเป็น กลุ่มสะสมทรัพย์ กลุ่มบ้านริมน้ำ กลุ่มมัชฌิมา ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรรค คสช.ที่มีการจัดตั้งขึ้นมา
แต่จนแล้วจนรอด ยังไม่มีอะไรชัดเจน หรือแม้แต่พรรคพลังประชารัฐ ที่ว่ากันว่า บรรดาขุนพลเศรษฐกิจของ คสช.ที่มี นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นคนเดิมเกม เอาเข้าจริงถึงวันนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ในรูปแบบของพรรคการเมืองเลย ซึ่งประหลาดใจมากหากหวังเป็นพรรคการเมืองจริงต้องเทคแอ็คชั่นมากกว่านี้
สุดท้ายแล้วดูบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลาย ไม่ว่า พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ยังคงสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหวมากนัก เพียงแค่รอเวลา เพราะทุกพรรคมีความพร้อมอยู่แล้วหากเปิดให้มีการดำเนินกิจกรรมพรรคการเมืองไม่มีปัญหาอะไรแน่
ทั้งนี้ อาจจะเป็นความจริง ตามคำให้สัมภาษณ์ของ “บิ๊กตู่” ที่ย้ำว่าการดึง “คุณปลื้ม” มา ก็เพื่อให้ช่วยงานเรื่อง EEC เป็นหลัก หาได้เกี่ยวกับการเมือง-การเลือกตั้งแต่ประการได
เพราะแว่วว่าพลเอกประยุทธ์ ได้มองข้ามช็อตเรื่องนั่งนายกฯไปแล้ว
เพราะการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ขึ้นมาเพื่อรองรับองคาพยพของ คสช.หลังลงจากตำแหน่ง ไปดูตามตำแหน่งก็ไม่พลาด พลเอกประยุทธ์นั่งตำแหน่งประธาน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองประธาน ตามมาด้วยคนในแม่น้ำ 5 สาย นั่งในตำแหน่งกรรมการตรงนั้นไม่ดีกว่าหรือเพราะไม่ต้องมาวุ่นวายกับการเมืองแถมยังกำกับรัฐบาลได้
เพราะในรัฐธรรมนูญกำหนดให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มีบทบังคับให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ หากไม่ดำเนินการก็อาจมีผลให้รัฐบาลหลุดจากอำนาจได้เช่นกัน แถมพ่วงด้วยการมีสมาชิกวุฒาสภาหรือ ส.ว. จากการแต่งตั้งมาเป็นของตนเองก็การันตีได้ว่าสิ่งที่ คสช.ทำยังเดินหน้าต่อไป
หากเป็นเช่นนั้นจริงพลเอกประยุทธ์ จะเอาคอมาขึ้นเขียงให้นักการเมืองโจมตีทำไม สู้ถอยไปอยู่เบื้องหลังกำกับรัฐบาลไม่ดีกว่าหรือ แถมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ไม่แน่ว่ารัฐบาลใหม่จะบริหารงานได้หรือไม่ เพราะด้วยตัวกฎหมาย การเขียนที่ให้ข้าราชการมีบทบาทในการพัฒนาประเทศ แถม ส.ว. สามารถระงับยับยั้งโครงการของรัฐบาลได้ ก็ส่งผลให้การดำเนินนโยบายไม่ง่ายของรัฐบาลไม่ง่ายนักหากไม่ได้รับความร่วมมือจากข้าราชการและ ส.ว.
อีกทั้งหากพลเอกประยุทธ์ เกิดหาทางออกจากอำนาจไม่เจอหรือหลงอำนาจ ก็จะรู้ทันทีว่าไม่ง่ายเหมือนสมัย คสช. เพราะครั้งนี้ไม่มีมาตรา 44 คุ้มครองแล้ว เปิดสภามาคงโดนโจมตีจากนักการเมืองแน่ ดังนั้นการเล่นเกมอื่นน่าจะถนัดกว่า แถมไม่โดนด่า
ฤา การปล่อยข่าวการกลับมาสู่ตำแหน่ง การตั้งพรรคการเมืองในทำเนียบรัฐบาล หรือการเดินสายพบปะนักการเมือง ของ หัวหน้าคสช. จะเป็นเพียงการสับขาหลอกเท่านั้น เอาเข้าจริงๆก็อาจจะเป็นแค่การสร้างกระแส หยิบของเก่ามาเล่นใหม่ สลับหัวท้าย
โยนบทผู้ร้ายให้ฝ่ายการเมือง ถูกตีตราว่าจ้อง “ขายตัว ซบเผด็จการ”
หลอกล่อนักข่าวให้ตามเกม จนลืมไปตรวจสอบเรื่องฉาว ทั้งการออกกฎหมายฉบับต่างๆ เปิดทางให้ คสช. เดินเกมอำนาจไปไกล ยากตามทัน
Rigsideการเมือง