นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ เปิดเผยถึงกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ กล่าวพาดพิงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ว่ามีการทุจริตใน 3 ประเด็นที่น่าสนใจ คือ 1. การทุจริตที่ดินที่ขุดได้ 2. ทุจริตการขยายเวลาจาก 900 วัน เป็น 2,382 วัน และ 3. ละเว้นค่าปรับการก่อสร้างกับบริษัทที่ล่าช้า โดยไม่ปรับอีกวันละ 12 ล้านบาทว่า
บริษัทซิโน-ไทยฯ รักษาความเป็นธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ข้อกล่าวหาที่นายวัชระนำมาเปิดเผย และพยายามเชื่อมโยงกับซิโน-ไทยฯ เป็นข้อมูลเก่าที่เคยมีการชี้แจงมาหลายรอบแล้วทั้งผ่านสื่อมวลชน และการชี้แจงในการเสวนาในเวทีที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ต่อหน้าคุณวัชระ และคุณวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์และต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการอธิบายไว้อย่างชัดเจนถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และเหตุผลในการต่อสัญญา แต่ไม่ทราบว่าสิ่งที่บริษัทอธิบายไปทำไมถึงไม่ฟังหรือฟังแล้ว แต่ก็อยากจะหาเรื่องโจมตี ไม่หยุด พยายามที่จะโยงการก่อสร้าง อาคารรัฐสภาใหม่เป็นเรื่องการเมือง ทั้งๆที่เป็นการทำงานระหว่างบริษัทเอกชนกับภาครัฐ
นายภาคภูมิ กล่าวต่อว่า การก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ที่ใช้ระยะเวลานานนั้น ในความเป็นจริงเกิดมาจากการส่งมอบพื้นที่ล่าช้านานกว่า 2 ปี บริษัทต่างหากที่เป็นผู้เสียหายไม่ใช่ภาครัฐ เนื่องจากบริษัทได้ลงพื้นที่ทำงาน ก็ต้องทำงานตามหน้างานที่มีอยู่
ดังนั้น การที่มีการเพิ่มระยะเวลาในการทำงาน ทุกอย่างก็มีต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งค่าแรงงานที่มากขึ้นตามระยะเวลาและค่าวัสดุที่ขึ้นราคา บริษัทเพียงแค่เรียกร้องตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและขอความเป็นธรรมให้บริษัท เพราะความเสียหายทีเกิดขึ้น ไม่ได้เกิดมาจากบริษัทแต่เป็นกรณีที่การดำเนินการภาครัฐไม่ทำตามสัญญาที่กล่าวไว้
ในส่วนของบริษัท ซิโน-ไทยฯ กำลังอยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง ประเมินความเสียหายจากการส่งมอบพื้นที่ในการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ที่ช้าไป 2 ปีกว่าว่าจะเสียหายอย่างไร โดยกำลังอยู่ในช่วงรวบรวมความเสียหาย ถึงปัจจุบันและจะรีบแจ้งให้ทางรัฐสภาทราบโดยเร็วต่อไป ปัญหาที่เกิดขึ้นบริษัท พร้อมตอบทุกคำถาม แต่ตอนนี้ในเวลาเดียวกันเรามาช่วยกันเร่งรัดแก้ปัญหาให้รัฐสภาแล้วเสร็จได้เร็วที่สุดก็จะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่สร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้นมาอีก
“นอกจากนี้หากมีการพาดพิงทำให้เกิดความเสียหายต่อซิโน-ไทย หรือมีการนำข้อมูลอันไม่ใช่ข้อเท็จจริง ผมในฐานะผู้บริหารองค์กร ตัวแทนขององค์กร ผมต้องปกป้องและดูแลองค์กรของผู้ถือหุ้นอย่างเต็มความสามารถ กรณีมีผู้มาใส่ร้ายป้ายสี พูดหรือสื่อในเรื่องไม่จริงทำให้องค์กรเสียหายต่อสาธารณะ ผมก็ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ในทุกกระบวนการทั้งชี้แจงตอบโต้และใช้กระบวนการยุติธรรมให้ผู้ที่ใส่ร้ายเราเพื่อผลประโยชน์ของเขาได้รับผลจากสิ่งที่เขากระทำ”นายภาคภูมิกล่าว
ในส่วนที่มีการโยงชื่อคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ นายภาคภูมิ ย้ำว่า นายอนุทิน ลาออกจากการบริหารซิโน-ไทยฯตั้งแต่ปี 2547 ปัจจุบันท่านไม่ได้มีตำแหน่งบริหารในองค์กร