หน้าแรก Article “บิ๊กตู่”เยือน“บุรีรัมย์” ภท.ยินดีต้อนรับ แต่ไม่ตอบรับ “ดีล”

“บิ๊กตู่”เยือน“บุรีรัมย์” ภท.ยินดีต้อนรับ แต่ไม่ตอบรับ “ดีล”

0
“บิ๊กตู่”เยือน“บุรีรัมย์” ภท.ยินดีต้อนรับ แต่ไม่ตอบรับ “ดีล”
Sharing

การเดินทางไปเยือน บุรีรัมย์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พร้อมคณะใหญ่ยกขบวนเหยียบถิ่น “เนวิน ชิดชอบ” ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ระหว่างวันที่ 7-8 พ.ค.นี้ ได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากการเดินทางไปเยือนในต่างจังหวัดของ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกครั้ง ย่อมหนีไม่พ้นข้อสงสัยเรื่อง “ดีลลับ” ด้วยปรากฏภาพนักการเมือง กับ คสช. ย่อมตีความขายข่าวเล่าเป็นกระแสได้

คสช.จ้องใช้ตำแหน่งช้อนสมาชิกบุรีรัมย์สมใจนึก

คอการเมืองฉายหนังตัวอย่าง หยิบเคสตระกูลคุณปลื้มมาเทียบ เพราะเมื่อครั้ง ครม.สัญจร ที่ จ.จันทบุรี ระหว่างวันที่ 5-6 ก.พ.มีระดับ อดีต สส.และนักการเมืองในพื้นที่ภาคตะวันออกมาคุยกับ “บิ๊กตู่”พร้อมหน้า อาทิ “เสี่ยแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล อิทธิพล คุณปลื้ม น้องชาย ในฐานะอดีตนายกฯ เมืองพัทยา จนนำมาซึ่งที่ประชุม ครม. แต่งตั้ง “สนธยา” เป็นที่ปรึกษานายกฯ ด้านการเมืองและแต่งตั้ง “อิทธิพล” เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้มาช่วยดูแลโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่รัฐบาลลงทุนในโครงการอีอีซีราว

เป้าหมายหวังให้พลังชลหนุน หรือร่วมพรรค คสช. ดัน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ

มาบุรีรัมย์ กุรูการเมืองฟันฉับ คงไม่แคล้วจบอีหรอบนี้

อย่างไรก็ตามหากอ่านหน้าไพ่ สถานการณ์ของภูมิใจไทย กับพลังชลต่างกันราวฟ้ากับเหว ด้วยเพราะตระกูล “คุณปลื้ม” อาศัยความช่วยเหลือเกื้อกูลจากฝ่ายทหารค่ายบูรพาพยัคฆ์มาตลอดหลายสิบปีหลัง เพื่อปูทางถนนธุรกิจ และถนนทางการเมือง จึงไม่ส่ายหน้าหากถึงเวลาต้องกลับมาช่วยเหลือกองทัพ

ที่สำคัญฝ่ายพลังชลไม่จำเป็นต้องสนใจกระแสการเมือง เพราะมั่นใจว่าคนในพื้นที่นิยม คลองใจชาวชลบุรีมาเนิ่นนาน ยิ่งกว่านั้น คนชลบุรีเองก็หาได้เกลียดกลัวกองทัพเช่นคนอีสาน ซ้ำอาจจะชอบเสียด้วยซ้ำ เพราะ EEC โครงการระดับเมกะโปรเจกในพื้นที่ชลบุรี ก็เกิดจากรัฐบาลทหารมิใช่หรือ

กลับมาที่พรรคภูมิใจไทย การมีฐานเสียงในพื้นที่อีสานใต้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคิดอย่างรอบคอบ เพราะถูกรุกไล่มาโดยกระแสประชาธิปไตย แม้ความนิยมในตัวบุคคลจะสูงปรี๊ด แต่ชะล่าใจไม่ได้เป็นอันขาด เพราะหากตัดสินใจผิด นโยบายเข้าที่ 2 ในทุกพื้นที่ ก็อาจะเป็นเข้าป้ายที่ 3 4 5

เละเทะถึงขั้นพังทั้งกระดาน

ชั่วโมงนี้ การใช้พลังประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ปลอดภัยกว่า

แกนนำพรรคหลายคนถึงกับท่องคาถา

“ประชาชนเลือกอย่างไร ภูมิใจไทยไปทางนั้น”

จึงเห็นความเคลื่อนไหว แบบหักปากกาเซียนจากแกนนำพรรคหลายคน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัดเจนว่าการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีดีลทางการเมือง แม้ทั้งตนและนายเนวิน รวมถึงสมาชิกพรรคภูมิใจไทย บางส่วนออกไปต้อนรับ ก็ไปในฐานะเจ้าของบ้านเจ้าของพื้นที่ ที่ใครไปถึงเรือนชานก็ต้องให้การต้อนรับ เป็นธรรมเนียมของคนในพื้นที่ ไม่มีดีลการเมือง

การต้อนรับก็เพื่อนำเสนอปัญหาของพี่น้องประชาชน ให้รัฐบาลรับทราบหาทางแก้ไขเท่านั้น

ท่าทีที่น่าจับตามองของ นายอนุทิน ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเปิดหน้าเล่นการเมืองมาตลอด ก็ประกาศชัดเจนว่า

“การเมืองต้องเป็นไปตามกติกาประชาธิปไตย พรรคไหนได้เสียงข้างมากก็มีสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาล ในฐานะพรรคการเมืองพร้อมที่จะทำตามความต้องการของประชาชน”

นี่คือท่าทีจากนายอนุทิน ชาญวรีกูล

ขณะที่นายสรอรรถ กลิ่นประทุมประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทยยังออกมาเตือนดังๆ กับสมาชิกที่คิดจะไปร่วมงานกับ คสช.เพื่แลกตำแหน่งการเมืองว่า

“คิดกันให้ดี ได้คุ้มเสียหรือไม่”

ที่ผ่านมานายอนุทิน ใช้ทางสายกลางเป็นแนวทางของพรรค จึงอาจถูกมองว่าแทงกั๊ก แต่ด้วยสภาพการเป็นพรรคขนาดกลาง หากสร้างศัตรู ก็เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง มีแต่ความย่อยยับที่รออยู่

ดังนั้น ทางพรรคจึงเลือกดูการเปลี่ยนไปของสังคม พร้อมกับการการระดมสมองหานโยบายมาขายประชาชน ดูจะเป็นประโยชน์กับพรรค กว่าที่จะออกมาวุ่นวายกับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ที่พรรคต้องจำภาษิต

“ช้าๆได้พร้าเล่มงาม” ไปปรับใช้

ชัดเจนว่า ในห่วงเวลาแห่งความคลุมเคลือ การเลือกตั้งยังอยู่ในเคื่องหมายคำถาม ขณะที่กระแส คสช. ดิ่งไม่หยุด การเกิดขึ้นของพรรคใหม่ และประชาชนจะไปทางไหนแน่

แม้ ครม จะลงบุรีรัมย์ แต่จะไม่เห็นการตัดสินใจจากพรรคภูมิใจไทย ถึงขั้นร่วมหัวจมท้ายเข้าร่วมกับ คสช. ในห้วงเวลาก่อนเลือกตั้งแน่นอน

Ringsideการเมือง


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่