รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยผ่านรายการริงไซด์นิวส์ ถึงทิศทางการเมืองไทยว่า การเมืองไทยยังคงมีอะไรหลายอย่างให้น่าติดตาม ที่สำคัญคือ กระแสชูนายกฯคนใน และเชียร์ให้ “บิ๊กตู่” เข้ามาเป็นตัวเลือกในระบบเลือกตั้ง เพื่อให้ชนะในเกมโหวตคะแนน แล้วเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง
ตนเชื่อว่า วิธีนี้ สง่างาม แต่มีความเสี่ยงที่พลเอกประยุทธ์จะตกรอบคัดเลือกได้ เพราะถ้า “บิ๊กตู่” มีเสียงในสภาแค่ 25 เสียง แม้จะพอในการเสนอ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ แต่จำนวนแค่นั้น มันไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำประเทศ นอกจากนั้น แต่ละพรรคการเมือง ต่างชูคนของพรรค เพื่อไปแชร์อำนาจแน่นอน
ทางออกที่ดีที่สุด สำหรับ “บิ๊กตู่” ถ้าหวังว่าจะเป็นนายกฯจริงๆ คือต้องมารอบ 2 หมายถึงว่า รอให้ฝ่ายการเมืองเลือกไม่ได้ ทำให้พลเอกประยุทธ์ ต้องเสียสละมาเป็นผู้นำอีกครั้ง
“รัฐธรรมนูญเขียนให้พลเอกประยุทธ์กลับมาอยู่แล้ว แต่ต้องเล่นให้เป็น วิธีที่น่าจะเล่นคือ ให้ฝ่ายการเมืองเลือกกันเองไม่ได้ อย่าลืมนะครับว่า คสช.มีกองทัพ มี สว.อยู่ในมือ ใช้องค์ประกอบนี้ กำหนดเกม เมื่อฝ่ายการเมืองถึงทางตัน พลเอกประยุทธ์ ก็แต่งตัวรอ แล้วบอกว่าผมเสียสละเข้ามาเป็นนายกฯ ให้ จบเกม”
รศ.สุขุม ระบุต่อว่า สิ่งที่น่าจับตามองคือ ทุกพรรคจะมีนโยบายแก้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นรัฐธรรมนูญที่เหยียบหัวนักการเมือง เป็นรัฐธรรมนูญที่มองนักการเมืองเป็นศัตรู จึงร่างรัฐธรรมนูญที่วางกับดักนักการเมืองมากมาย แม้จะได้เป็นรัฐบาล ก็ต้องทำงานลำบาก ดังนั้นเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจำเป็นที่จะต้องมองเกมให้ออก และหาช่องทางแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้
“แต่ต้องทำอย่างมีชั้นเชิง ถ้าประกาศโต้งๆ ว่าจะฉีกคือจบเลย เท่ากับคุณไม่ยอมรับระบอบการปกครอง จะกลายเป็นคุณทำผิดกฎหมายเสียเอง งานของพรรคการเมืองคือ ต้องจำกัดตนเองที่การแก้ไขกฎหมาย ถ้าได้รับเลือกไปในสภา ก็หาช่องทางทำประชามติ ใช้เสียงประชาชน แก้ไข ไปจนถึงยกเลิกเขียนใหม่ ก็ยังได้”
ส่วนเรื่องความขัดแย้งระหว่างภูมิใจไทย กับประชาธิปัตย์ รศ.สุขุม ระบุว่า
“ภาพที่คุณประยุทธ์ ไปบุรีรัมย์ เป็นภาพที่วัดบารมีของนายเนวิน ชิดชอบ ดังนั้นกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาโจมตี เพราะหวั่นว่าจำนวน ส.ส.ในพื้นที่อีสานจะลดลงไปอีก ล่าสุด ปชป. ได้ผู้แทน ในพื้นที่อีสาน มาแค่ 2 คนเท่านั้น ดังนั้นการออกมาโจมตีพรรคภูมิใจไทยหรือการออกมาสร้างกระแสก็เพื่อต้องการหาพื้นที่ยืน”
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์หากล้มเหลวในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตนมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคอย่างแน่นอน โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคอาจจะลาออกเพื่อให้พรรค มีช่องทางปรับบทบาท อาจจะไปจับมือกับทหารก็ได้