ที่ สน.ชนะสงคราม มิใช่เพียงความอิดโรย แต่น้ำเสียง แววตา สีหน้าของ รังสิมันต์ โรม, ปิยรัฐ จงเทพ, และสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง แสดงออกถึงความท้อแท้อย่างเห็นได้ชัด เพราะนี่คือความพ่ายแพ้ครั้งล่าสุด จากการต่อสู้มาหลายสิบครั้งตลอด 4 ปี ที่กลุ่มทหารยึดอำนาจ
“วันนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ ที่คนรุ่นใหม่จะได้ยืนบนบ่าพวกเรา” เป็นหนึ่งในประโยคที่รังสิมันต์ โรม พูดออกมาก่อนตัดสินใจมอบตัวพร้อมแกนนำที่เหลือ
สะท้อนนัยยะว่าการชุมนุมเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา อาจจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
ที่สุดแล้วกำปั้นของพวกเขา ก็มิอาจทลายหินที่อยู่เบื้องหน้าได้
ความมั่นใจของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในการจัดกิจกรรมทวงคืนประชาธิปไตย ถึงขั้นวางแผนเคลื่อนมวลชนไปกดดันถึงทำเนียบรัฐบาลนั้น เกิดขึ้นหลังจากการประเมินแล้วว่าคนไทยจำนวนมากพร้อมจะออกหน้าร่วมกับพวกเขา
เป็นไปตาม “กระแส” ที่เกิดขึ้นจากการปลุกปั่นของสื่อมวลชน และฝ่ายการเมืองหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ประกาศยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตย และฝ่ายที่กลับตัวมาหนุนฝ่ายประชาธิปไตย กระแสที่เกิดขึ้นสร้างความมั่นใจให้กลุ่มคนอยากเลือกตั้งในการขยายยุทธการกดดันฝ่ายตรงข้าม
โดยหลงลืมไปว่ากระแสนั้น มิได้สะท้อนความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ในสังคม
อันที่จริง ฝ่ายประชาธิปไตยเอง ก็ถูกหลอกให้ดีใจเก้อมาหลายต่อหลายครั้ง นับย้อนไปในวันลงประชามติรับ – ไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ โพลทุกสำนัก ทั้งลับ และแจ้ง ระบุตรงกันว่า รัฐธรรมนูญ ที่ถูกร่างมาโดยฝ่าย คสช. มีแนวโน้มจะถูกประชาชนคว่ำ เพราะคนไทย ไม่ยอมรับการปกครองด้วยเผด็จการ และต้องการยืนยันเจตนารมย์ประชาธิปไตย
อ่านสีหน้าท่าทางฝ่ายพรรคการเมืองที่หนุนประชาธิปไตย บวกกับกลุ่มกองเชียร์ต่างมันใจว่าพวกเขาต้องได้ชัยชนะในศึกครั้งนี้ ว่ากันว่า มีบางคนจองห้องอาหาร ซื้อแชมเปญราคาแพง เตรียมฉลองกันแล้ว
แต่หลังปิดหีบลงประชามติ วันที่ 7 สิงหาคม 2559 ปรากฏว่ารัฐธรรมนูญ ที่ถูกตราหน้าว่าทำคลอดโดยคณะเผด็จการ กลับผ่านความเห็นชอบอย่างถล่มทลาย
“ด้วยคะแนน 61 ต่อ 39”
ทำเอาฝ่ายประชาธิปไตยออกอาการเหวอกันเป็นแถว
เมื่อนำเอาเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 มาบวกกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 จะพบว่าแท้ที่จริงประชาธิปไตยของประเทศไทย มิได้ฝังรากลึกในใจคน จนได้รับความนิยมโดยทั่วไป คนไทยไม่ได้โหยหาประชาธิปไตย อย่างที่ปากกล่าวอ้าง บทบาทของประชาธิปไตย หาใช่เป้าหมายที่คนไทยอยากจะไปถึง แต่เป็นเพียง “ความชิค” หรือวาทกรรมสวยหรู ที่ถูกคนบางกลุ่ม บางพวก ยกมาสร้างภาพให้กับตนเอง ปั่นเป็นกระแส สวนทางความจริงที่ปรากฏมาตลอดในสังคมไทย
เพราะหากผิดไปจากที่กล่าวนี้แล้ว คงไม่ปรากฎความท้อแท้ในสีหน้าท่าทางของ รังสิมันต์ โรม, ปิยรัฐ จงเทพ, และสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์
Ringsideการเมือง