หน้าแรก Article จับตาทางรอด “ตระกูลการเมือง” ทิศทางอนาคตการเมือง “ดัง” หรือ “ดับ”

จับตาทางรอด “ตระกูลการเมือง” ทิศทางอนาคตการเมือง “ดัง” หรือ “ดับ”

0
จับตาทางรอด “ตระกูลการเมือง” ทิศทางอนาคตการเมือง “ดัง” หรือ “ดับ”
Sharing

ปี พ.ศ. 2560 เป็นปีที่ 85 ของอายุประชาธิปไตยไทย นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ประวัติศาสตร์บันทึกเอาไว้ว่าเริ่มต้นในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475

ในห้วงเวลาที่อายุของประชาธิปไตยผันผ่านมานี้ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ท้าทายความเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะ โดยเฉพาะรูปแบบประชาธิปไตยแบบตัวแทนของไทย ที่ให้ประชาชนเลือก ผู้แทน หรือ ส.ส. เข้าไปเป็นปากเสียง มีความน่าสนใจไม่น้อย

ปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ผู้แทนในระบอบประชาธิปไตยมีการผ่องถ่ายอำนาจทางการเมืองจากรุ่นสู่รุ่น กลายเป็น “ตระกูลการเมือง” ที่เข้มแข็ง

แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า อำนาจของหลายตระกูลดัง อยู่ในสภาวะสั่นคลอน

หากจะมองที่ตระกูลการเมืองที่เคยกวาดยกจังหวัดมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ตระกูลอัศวเหม ในจังหวัดสมุทรปราการ ที่วันนี้ต้องยอมรับว่า ชื่อเสียงลดลงไปมาก ภายหลังจากที่นายวัฒนา อัศวเหม ต้องหลบหนีคดีทุจริตคลองด่าน ส่งผลให้ตระกูลอัศวเหมเริ่มถูกตัดตอนทางการเมืองจนสุดท้ายก็เงียบหายไป

ตระกูล อดิเรกสาร ครั้งสมัยที่พลตำรวจเอกประมาณ อดิเรกสาร ประมุขของตระกูลยังคงโลดแล่นทางการเมือง ในฐานะทายาทราชครูก็ดูเหมือนว่า ดึงเอาคนในตระกูลเข้ามาสู่ถนนการเมืองหมดแต่ที่โดดเด่นเห็นจะหนีไม่พ้น ปองพล อดิเรกสาร ที่ในช่วงหนึ่งถือเป็นทายาทราชครูรุ่นที่  2 ที่ตีคู่มากับนายกร ทัพพะรังสี หลานชาย “น้าชาติ” พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี

แต่มาถึงวันนี้ หลังจากพลตำรวจประมาณและพลเอกชาติชาย ล่วงลับไป บารมีทางการเมืองจะดับลงไปทั้งคู่ รวมไปถึง “ปาล์ม” ร.ต.ปรพล อดิเรกสารบุตรชายปองพล ก็ไม่สามารถแจ้งเกิดทางการเมืองได้เช่นกัน ถือว่ากลุ่มราชครูสูญพันธ์จากการเมืองไทย เพราะแม้แต่อาจารย์โต้ง ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ก็ไม่กลับมามาสู่สนามการเมืองไทยอีกแล้ว

มองไปที่สุพรรณบุรี ภายหลังการ อสัญกรรมของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา บ้านพักริมถนนจรัญสนิทวงศ์ อันเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ไม่เคยว่างเว้นจากทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจก็เงียบเหงาลงไปถนัดตา

ต้องมานั่งดูว่า กัญจนา-วราวุธ-ปาริชาติ  ศิลปอาชา  3 พี่น้องจะนำพาพรรคและรักษาฐานที่มั่นของบ้านใหญ่สุพรรณบุรีได้หรือไม่

ส่วนที่ปทุมธานี เป็นที่แน่ชัดว่าบารมีของหาญสวัสดิ์ลดลงไปมากหลังจากที่นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ ปิดฉากการเมืองเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้ผู้นำในตระกูลหาญสวัสดิ์อาจจะเปลี่ยนมือไป ในขณะเดียวกัน วาณี หาญสวัสดิ์ บารมีก็ยังไม่ก้าวขึ้นมาทันพี่ชาย ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งตระกูล ที่น่าจะถอยจากเกมการเมือง

ด้วยการเมืองใหม่ที่กำหนดให้นักการเมืองต้องทำงานในพื้นที่มากกว่าที่ผ่านมา ดังนั้นหากนักการเมืองคนไหน ที่เคยเป็นส.ส.ผูกขาดมานานในจังหวัดนั้นๆ พอมาถึงวันนี้อาจจะไม่แน่เสียแล้ว จากเดิมมีบารมีพ่อช่วยได้เยอะจากบรรดาคนเก่าคนแก่ แต่มาวันนี้เมื่อพ่อชราภาพลง หรือ ล้างมือในอ่างทองคำก็ทำให้บรรดาลูกๆก้าวขึ้นมาไม่ทัน

สนามการเมือง ที่ฉะเชิงเทรา กำลังส่งผลร้ายให้กับตระกูลฉายแสง หลังจากที่ นายอนันต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย เริ่มลดบทบาททางการเมืองลง เป็นช่วงเดียวกับที่ ทั้ง จาตุรนต์ -วุฒิพงศ์-ฐิติมา  ฉายแสง ก็ยังไม่สามารถที่จะกุมหัวใจคนในฉะเชิงเทราได้ เคยแพ้ทั้งตระกูลมาแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่น่าจะต่างกัน เพราะเป็นที่ทราบกันว่าทั้ง  3 พี่น้องไม่ค่อยลงพื้นที่มากนัก อาจจะส่งผลร้ายกับตระกูลในที่สุด

ที่น่าจับตามองก็น่าจะเป็นตระกูล คุณปลื้ม ภายใต้การนำของ “บิ๊กแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม ว่ากันว่างานนี้อาจจะมีอะไรไม่ชัดเจนเสียแล้วทั้งนี้ภายหลังการประกาศตัวเข้าไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็ทำให้เสียรังวัดไปพอสมควร

แต่ก็เชื่อว่าน่าจะหาทางเอาตัวรอดทางการเมืองในที่สุด แต่จะเป็นบทบาทไหนว่ากันอีกครั้ง เพราะเป็นที่คาดกันว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าพลังชลเหนื่อยหนักในการลงพื้นที่ แต่กระนั้นก็ตามเป้าหมายใหญ่ของตระกูลนี้คือการเมืองท้องถิ่น ตามบารมีพ่อ นายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเปาะ ที่เคยเป็นมา จึงเป็นที่น่าสนใจว่าจะยังคงมุ่งหวังที่การเมืองท้องถิ่นหรือระดับชาติต่อไปในกลุ่มคุณปลื้ม

ส่วนตระกูลที่ไม่น่าจะหนักใจมากนักคือตระกูล เทียนทองที่ วันนี้ “ป๋าเหนาะ”นายเสนาะ เทียนทอง ประมุขของตระกูล วางรากฐานตระกูลไว้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมา “บ้านใหญ่” ของตระกูลเทียนทอง มักจะเปิดต้อนรับข้าราชการใน จ.สระแก้ว เข้าไปรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน  ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร หรือข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับอำเภอ หรือระดับจังหวัดอย่างสม่ำเสมอ

ในขณะเดียวกันการวางรากฐานทางการเมืองให้กับทายาท รุ่นที่ 2 ของตระกูลอย่าง “บอย” สรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว “อ๊อฟ”  สุรชาติ เทียนทอง สส.กทม. บุตรชายของป๋าเหนาะ ก็สามารถเข้าเป็นผู้แทนได้ไม่ยาก  ขณะเดียวกันยังมีทายาทรุ่นหลานเสนาะ 2 คนที่ได้ สส.สระแก้ว คือ นางสาวตรีนุช และ นายฐานิสร์ เทียนทอง หลานสาวและหลายชายของป๋าเหนาะก็สามารถเข้ามาเป็นผู้แทนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ชัดเจนว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหลายตระกูลมีแววหายไปจากการเมืองไทย ที่เป็นเช่นนี้เพราะ หากตระกูลการเมือง ไม่มีการปรับตัว ย่อมไปไม่รอดในยุคการเมือง 4.0 สุดท้ายจะถูกบีบให้เล่นการเมืองท้องถิ่น ก่อนจะค่อยๆหายไป

ตระกูลที่อยู่ได้ส่วนใหญ่คือตระกูลที่ปรับตัว ให้ทันเกมการเมือง ทันความคิดของประชาชน

Ringsideการเมือง


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่