นายบุญเลิศ คชายุทธเดช(ช้างใหญ่) นักสื่อสารมวลชน กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งหลังนักการเมืองเปิดหน้าชัดเจน ว่า พรรคอนาคตใหม่ ของนายธนาธร มีคู่ต่อสู้ที่สมน้ำนมเนื้อแล้ว คือพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อยู่เบื้องหลัง ที่ทั้ง 2 พรรคมีจุดยืนต่างกันสุดขั้ว เช่นเดียวกับหน้าเดิมอย่างพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ ก็ยังทะเลาะกันไม่จบ เชื่อว่าความขัดแย้งในการเมืองไทยยังดำรงอยู่ มิได้ลดลงไปเลยในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เพียงแต่ไม่มีช่องในการแสดงออกเท่านั้น เชื่อว่าหากเปิดให้ฝ่ายการเมืองทำกิจกรรมพรรค เราจะเห็นภาพความขัดแย้งดังกล่าวชัดขึ้นในช่วงการหาเสียง ไปจนถึงการเลือกนายกฯ จัดตั้งรัฐบาล เป็นผลกระทบจากรัฐธรรมนูญ ที่พยายามควบคุมเสียงของแต่ละพรรคการเมืองให้เหลือน้อยที่สุด ทำให้ไม่มีพรรคการเมืองใดชนะเด็ดขาด จนสามารถคุมเกมในสภาได้ ส่งผลให้แต่ละพรรคการเมืองมีอำนาจต่อรอง ที่น่ากังวลคือ การพูดคุยอาจไม่จบลงที่ในสภา แต่อาจไปสู่ข้างถนน
“ผมเชื่อว่าก่อนเลือกตั้ง รัฐบาลแห่งชาติจะไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะแต่ละพรรค มีเป้าหมายส่วนตัว ต้องสู้กันอย่างหนัก ให้มีเสียง ส.ส. ในสภามากที่สุด การเมืองตรงนี้ แม้จะดุเดือด แต่ก็มีจุดบรรจบ ที่การปิดหีบลงคะแนน
ทว่าหลังจากได้เข้าสภาไปแล้ว เมื่อบางฝ่ายอยากเป็นนายกฯรัฐมนตรี อยากจัดตั้งรัฐบาล บางฝ่ายอาจจะยอมกันได้ แต่บางฝ่ายอาจจะไม่ยอม การหักเหลี่ยมเฉือนคมจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีจุดสิ้นสุด ถ้ามีความวุ่นวายมาก ในสถานการณ์ที่การยึดอำนาจ ไม่เป็นที่ยอมรับ เราอาจจะเห็นรัฐบาลแห่งชาติ ตามความต้องการของกลุ่มอำนาจพิเศษ ถ้าไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น ฝ่ายการเมืองก็ต้องลดราวาศอกกันบ้าง
รัฐธรรมนูญ ได้ชื่อว่าเป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้การเมืองไทยเดินมาสู่ความขัดแย้ง แต่เมื่อบังคับใช้ไปแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองในการปรับตัว เพื่อให้บ้านเมืองสามารถไปต่อได้”