ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าประเทศไทยใช้งบประมาณการจัดการการเลือกตั้งพุ่งมากกว่า 5,000 ล้านบาท ถือเป็นงบประมาณมหาศาลที่สุดที่เคยมีจากเดิม ในการจัดการเลือกตั้งครั้งล่าสุดคือ 2 กุมภาพันธ์ มีการของบประมาณเพียง 3,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่มาวันนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้งบประมาณในการจัดการการเลือกตั้งที่ 5,800 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของงบประมาณที่ผ่านมา
อะไรเป็นเหตุให้ใช้งบขนาดนี้ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต.อธิบายว่า เพราะมีหลายปัจจัยเพิ่มขึ้น เช่น เรื่องผู้ตรวจการเลือกตั้งแทนกกต.จังหวัดซึ่งมีค่าใช้ค่าเดินทาง เบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าผู้ช่วยของแต่ละคน เรื่องการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง แม้จะมีบัตรใบเดียว แต่แต่ละเขตไม่เหมือนกัน การจัดพิมพ์ป้ายหาเสียงให้ผู้สมัคร ค่าจ้างแหล่งข่าว เงินสินบนรางวัล การคุ้มครองพยาน ซึ่งการใช้จ่ายทุกอย่างมีรายละเอียดชี้แจงได้ โดยจะขอเป็นงบฯกลาง ไม่ได้ขอเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี2562
การใช้งบประมาณเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งในอดีต ต่างจากในขณะนี้ เพราะกฎหมายเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งเรื่องการให้เงินสินบนกับผู้ที่นำพยานหลักฐาน เบาะแส ที่เกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้งมาให้กับ กกต. การคุ้มครองพยาน การสืบสวนสอบสวน การป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง
รวมถึงการที่ กกต.จะต้องช่วยพรรคการเมืองและผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศด้วย เพื่อไม่ให้ระบบทุนเข้ามาในระบบการเมือง
ตัวเลขงบประมาณเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ กกต.ตั้งขึ้นมานั้นเราต้องประเมินไว้ก่อน แต่เมื่อนำไปใช้จริงอาจจะไม่ถึงก็ได้ เพียงแต่ว่าเราจำเป็นต้องตั้งงบไว้ก่อน หากใช้ไม่หมทางกกต.ต้องนำส่งคืนกระทรวงการคลัง รวมทั้งการจัดการเลือกตั้งดำเนินการภายใต้กฎหมายทุกอย่าง
นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการใช้งบประมาณการเลือกตั้งของกกต.ว่า การตั้งงบประมาณครั้งนี้ของกกต.ถือว่าเป็นงบประมาณสูงมากเป็นประวัติการณ์เพราะในปี 2557 กกต.ของบประมาณในการจัดการการเลือกตั้งเพียง 3,200 ล้านบาท แต่มาปีนี้สูงขึ้นเกือบเป็นเท่าตัว
ความจริงแล้วกกต.น่าจะมีการชี้แจงรายละเอียดการใช้งบประมาณให้ดีกว่านี้ ว่า งบที่ของไปเอาไปทำอะไรบ้าง เพราะงบประมาณที่ขอไปก็เป็นภาษีของประชาชน แต่หากเอางบประมาณไปแต่ไม่แจงเจ้าของเงินก็ไม่น่าจะใช่ หากกกต.อ้างว่าต้องจัดทำป้ายหาเสียงให้กับผู้สมัครในแต่ละเขตก็ต้องถามว่าไปเขียนอย่างนั้นไว้ทำไม เพราะที่ผ่านมางบประมาณในส่วนนี้จะกระจายลงไปที่พื้นที่ เพราะมีการจ้างบริษัทรับทำป้ายหาเสียงอยู่แล้ว ซึ่งผู้สมัครส.ส.แต่ละคนก็จะมีการจัดซื้อจัดจ้างคนในพื้นที่มาทำป้ายหาเสียง เป็นการกระจายรายได้ในพื้นที่แต่ละจังหวัด แต่เมื่อกกต.มารับทำให้ก็ไม่ว่ากันก็ดีไปอย่าง แต่ตัวเลขที่ของบประมาณไปก็ยังมองว่าสูงอยู่ดี
นายทศพล สังขทรัพย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเลย พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงในเรื่องนี้ ว่า เชื่อว่าเป็นการหาเรื่องเพิ่มงบประมาณในการจัดการการเลือกตั้ง ในความเป็นจริงกกต.ควรที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงออกมาว่า เอางบประมาณไปใช้ทำอะไรบ้าง อาจจะใช้เพราะระบบเลือกตั้งใหม่ ผู้สมัครผู้แทนไม่ต้องทำอะไรเลย ทั้งห้ามปราศรัย ห้ามติด ป้าย แนะนำตัว ห้ามรถแห่ ซึ่งมันผิดธรรมชาติของการเลือกตั้งมันไม่คึกคัก
แม้กกต.อาจจะอ้างว่ามีการจัดทำเวทีกลางให้อยู่แล้ว แต่ธรรมชาติของผู้สมัครผู้แทนของประชาชนในพื้นที่ต้องมีการออกไปปราศรัยย่อยตามพื้นที่ต่างๆเพื่อแนะนำตัว เป็นสีสรรการเลือกตั้งทั่วประเทศ คือการปราศรัย การขึ้นรถแห่ แต่เมื่อมีห้ามการกระทำแบบนี้ไม่น่าจะใช่บรรยากาศหาเสียงการเลือกตั้ง แต่มาแบบนี้มันไม่เป็นสากล ขัดกับหลักธรรมชาติของมนุษย์ และขัดกับหลักการหาเสียงเลือกตั้งที่ทั่วโลกเขาก็ทำแบบที่ประเทศไทยทำในช่วงที่ผ่านมา
Ringsideการเมือง