หน้าแรก Article ประกาศิตจากสถานการณ์ ผู้นำไทย ต้องเป็นนักบริหารมืออาชีพ

ประกาศิตจากสถานการณ์ ผู้นำไทย ต้องเป็นนักบริหารมืออาชีพ

0
ประกาศิตจากสถานการณ์ ผู้นำไทย ต้องเป็นนักบริหารมืออาชีพ
Sharing

นายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำของฝ่ายบริหาร บ้านเมืองจะดีหรือไม่ ประชาชนจะกินดี อยู่ได้ แค่ไหน ขึ้นกับการบริหารของนายกรัฐมนตรีเป็นสำคัญ

ยิ่งนับวัน ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยิ่งเป็นงานที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ให้คุณ ให้โทษกับประเทศชาติ และประชาชนอย่างมหาศาล

ในอดีต ประเทศไทย ต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง เพราะชาติรายล้อมด้วยอริจากภายนอก ทั้งสงครามโลก ตามมาด้วยภัยจากคอมมิวนิสต์

มาในยุคหลังสงคราม ประเทศไทยต้องการมือประสานสิบทิศ เรามีผู้นำที่เป็นนักการทูต อย่างหม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมทย์ เมื่อบ้านเมืองเริ่มตั้งตัวได้ เราต้องการนายกฯที่สามารถวางรากฐานความมั่นคงให้กับชาติ เราได้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มาทำงานถูกสถานการณ์ เมื่อโลกทำการค้าระหว่างกัน เราได้ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจ มานำชาติ มิให้ไทย ต้องเพรี่ยงพร้ำ

จะเห็นว่า สถานการณ์บ้านเมือง คือสิ่งที่กำหนดว่า “ใคร” สมควรขึ้นมาเป็นผู้นำ

มาในยุคปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของ “โลก” จนมิอาจอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ กลับกันเราต้องพึ่งพานานาชาติในทุกมิติ ทั้งการเมือง และการค้า เพื่อขับเคลื่อนไทยให้ก้าวไปข้างหน้า

ขณะที่ในประเทศไทย การตื่นตัวของประชาธิปไตย และเทคโนโลยี เกิดแนวร่วม แนวต้านทางความเชื่อ ยังผลให้คนไทยเกิดความคิดเห็นที่หลากหลาย กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างกัน

เหล่านี้ คือที่สุดของความท้าทายสำหรับนายกรัฐมนตรีในยุคสมัยใหม่ ที่เพียงความเข้มแข็ง หาใช่คำตอบ กลับกัน หากเฉลียวฉลาด แต่มิอาจบริหารใจผู้คนได้ ย่อมก่อปัญหาตามมา

นายประภัสสร เสวิกุล ศิลปินแห่งชาติผู้ช่วงลับ  ได้ถ่ายทอด “คุณสมบัติ” ของผู้นำไทย ในโลกสมัยใหม่ ผ่านบทความเรื่อง อาชีพนักการเมืองกับนักบริหารมืออาชีพ ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ “คม ชัด ลึก” ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ว่า

“ประเทศไทยเป็นเสมือนบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทมหาชน ซึ่งมีประชาชนทุกคนเป็นผู้ถือหุ้น และนักการเมืองที่มาบริหารประเทศเป็นคณะกรรมการบริหารบริษัท เราทุกคนก็มีสิทธิที่จะตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารว่าเป็นไปโดยถูกต้องหรือไม่ หรือสร้างความเสียหายแก่บริษัทหรือไม่ รวมถึงการเรียกร้องความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

และเมื่อประเทศไทยมีสภาพเสมือนบริษัทจำกัดแล้ว เราก็ต้องแสวงหามืออาชีพมาบริหารบริษัท ไม่ใช่ใครก็ได้ตามแต่พรรคการเมืองจะยัดเยียดมาให้ ซึ่งคนเหล่านั้นอาจไม่มีความรู้ ความสามารถ หรือประสบการณ์ในการทำงานเพียงพอ แต่ที่มีโอกาสมานั่งอยู่ในบอร์ด เพียงเพราะเป็นญาติสนิทมิตรสหายหรือลิ่วล้อของผู้มีอิทธิพลในพรรคการเมืองนั้น ซึ่งทำให้บริษัทของเรามีสภาพเหมือนร้านชำที่ใช้ลูกหลานหรือลูกจ้างหยิบโน่นหยิบนี่

ถึงเวลาหรือยังครับ ที่บริษัทประเทศไทยจำกัด จะต้องมีนักบริหารมืออาชีพซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมือง และทีมงานที่มีคุณภาพมาบริหารประเทศอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เป็นคนที่รักษาผลประโยชน์ของประชาชน และรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตนและคณะ เป็นคนที่โปร่งใสซึ่งสามารถรับการตรวจสอบได้ตลอดเวลา

หมดเวลาแล้วละครับ สำหรับผู้ที่ยึดการเมืองเป็นอาชีพประทังชีวิต และผู้บริหารมือใหม่ประเภทผีจับยัดทั้งหลาย”

เมื่อไล่พินิจดูบุคคลทางการเมือง ณ ปัจจุบันแล้ว

มีหลายคนที่เข้าข่ายเป็นนักบริหารมืออาชีพ

แต่จะมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถบริหารบ้านเมืองได้ พร้อมไปกับการบริหารความรู้สึกขัดแย้งของประชาชน และองคาพยพในชาติ

เพราะถ้าเข้ามาบริหาร แม้จะทำกำไรให้บริษัท แต่บริหารบนความไม่เป็นธรรม ก่อความขัดแย้งในใจผู้ถือหุ้น จนถึงขั้นล้มโต๊ะประชุม

เชื่อว่า “บริษัทประเทศไทย” ก็ไปต่อไม่ได้เช่นกัน

Ringsideการเมือง


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่