ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับการย้ายพรรคของอดีตส.ส.ในช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง เป็นตลาดนักของพรรคการเมือง เพราะเป็นเหตุผลที่แต่ละอดีตส.ส.จะเลือกในการอยู่กับพรรคเดิมหรือย้ายพรรคไปอยู่กับพรรคใหม่ มีปัจจัยหลายปัจจัยบวกกับสิ่งที่ยั่วยุ ก็ไม่อาจปฏิเสธได้
ดังนั้นจึงมีข่าวหรือกระแสข่าวออกมามากมายเกี่ยวกับการย้ายพรรคของอดีต ส.ส.โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานที่ถือว่าเป็นฐานที่มั่นของพรรคพื่อไทย มีกระแสข่าวออกมามากมายว่าจะมีการย้ายพรรคของอดีตส.ส.เป็นจำนวนมาก
การพบปะกันระหว่างนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตส.ส.จังหวัดเลยพรรคเพื่อไทยกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร และแกนนำพรรคพลังประชารัฐจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือจิบน้ำชายามบ่ายอย่างที่สร้างภาพกัน เป็นจุดเริ่มที่ชัดเจนที่สุดของอดีตส.ส.เลยจากพรรคเพื่อไทยที่ต้องการย้ายพรรคไปร่วมงานกับพลังประชารัฐด้วย หลายจังหวัดมีข่าวมาตลอด อาทิ นครราชสีมา เลย อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด บึงกาฬ หนองคาย ฯลฯ
อย่างไรก็ตามหากดูตามสถิติเก่าที่ออกมา อดีต ส.ส.หลายคนที่ย้ายไปพรรคพลังประชารัฐ เคยย้ายพรรคมาหลายพรรค มีทั้งสอบได้สอบตก คละกันไป บางคนเป็นส.ส.เกรดเอ บางคนเกรดบี บางคน เกรดซี บางคนยังไม่เคยลองสนามใหญ่อยู่แต่ท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวออกมาว่ามีการเปิดตลาดนัดช้อปส.ส.ให้กับพรรคการเมือง โดยมีกระแสข่าวออกมาว่า หากอดีตส.ส.มีการย้ายพรรคไปแบบข้ามาคนเดียวก็หลัก 10 ในขณะที่หากไปแพ็ก 3 คนก็หลัก 100 และหากยกจังหวัดเอาไปเลยหลัก 1,000 ล้าน เจอตัวเลขแบบนี้เป็นใครก็หวั่นไหวเป็นธรรมดาหากมองภาพชัดๆก็จะพบว่า อดีตส.ส.หลายคนได้เป็นส.ส.เพราะกระแสพรรค บางคนมีฐานะดี กระสุนพร้อม อยู่พรรคกระแสดี กระแสบวกกระสุนก็ทะลุเป้า
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยระบุว่า อ่านรายชื่อบางคนยังงงว่าเคยอยู่พรรค ภท.หรือ แสดงว่าบุคคลเหล่านั้นคงยังไม่เข้าขั้น ก็ดีมีคนช่วยรับไป
“ในทางการเมืองการย้ายพรรคไม่ใช่เรื่องแปลก ย้ายทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง แต่คนที่ย้ายบ่อยๆ ยังไม่เห็นใครที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ส.ส.ที่เขามีความมั่นใจในศักยภาพและความนิยมของตัวเอง ไม่มีใครเปลี่ยนพรรคหรอก”
เช่นเดียวกับนายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว ถึงกรณีกระแสข่าวการย้ายพรรคของอดีตส.ส.ว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาอย่าไปกังวลในเรื่องของรายชื่อ เพราะจนถึงวันนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการเลือกตั้ง ตราบใดที่ผู้นำรัฐบาลยังไม่เปิดให้มีการทำกิจกรรมพรรคการเมือง หรือ ประกาศการเลือกตั้งทั่วไป บรรยากาศทางการเมืองก็จะคลุมเครือ เพราะนักการเมืองเขาถือว่ายังมีโอกาสไปฟังนโยบายจากพรรคนั้น พรรคนี้ได้ เขาอยู่ในสภาวะผู้เลือก แต่ทุกอย่างจะจบลง เมื่อประกาศวันเลือกตั้ง
ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ไม่ตกใจ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาพรรคการเมือง อาจจะมีบางคนที่แอบอ้างเอารายชื่อว่าที่ผู้สมัครส.ส.ไปใส่ก็มี โดยที่เจ้าตัวอาจจะไม่เกี่ยวข้อง หรือไม่รู้เรื่องก็เป็นได้ รวมทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 ของพรรคการเมือง บรรดานักการเมืองก็อยากเป็นผู้แทนก็ต้องหาพรรคที่ดีที่สุดและเชื่อว่าหากลงแล้วจะได้รับเลือกตั้ง ก็ไม่ต่างจากชาวนาที่ทำนาก็อยากได้ข้าว วิถีของนักการเมืองเป็นเช่นนี้ เป็นเรื่องธรรมดา บางคนมีรายชื่ออยู่พรรคการเมืองหลายพรรค
นายทรงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดโอกาสให้บรรดาพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ไป หาตัวแทนที่จะลงสมัคร จากบรรดาอดีต ส.ส.ที่เคยสังกัดพรรคต่างๆ ดังนั้นจึงเกิดการแย่งชิงตัวส.ส.ทั้งเกรดเอ เกรด บี ไปจนถึงเกรด ซี เพราะทุกคะแนนมีค่า ดังนั้นเมื่อตัวเลือกน้อยก็จำเป็นที่จะต้องมีการแย่งชิงกันเป็นธรรมดาของพรรคการเมือง
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการวีดิโอคอลคุยกับแกนนำพรรค ในช่วงหนึ่งว่า เชื่อว่าพรรคเพื่อไทย ยังมีโอกาสในการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง ทั้งอีสาน ไอ้พวกที่ไปเนี่ย กำลังจะทวิตเตอร์ขอบคุณคนที่ออกจากพรรคไปหน่อย เพราะว่าเป็นคนที่เสียสละอย่างยิ่ง ที่ได้เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นผู้แทน ใครที่อยากออกจากพรรคไปมี 2 ประการ 1.ไปเก็บสตางค์แล้วเลิกเล่นการเมือง เพราะพวกนี้หน้าโง่ จ่ายแทน เก็บตังค์ไปพักผ่อนซะ กับอีกประเภท มั่นใจในตัวเอง ลืมไปว่าคะแนนตัวเองสู้คะแนนพรรคไม่ได้มาโดยตลอด มาเที่ยวนี้จะเอาเด็กใหม่ๆขึ้นมาแทนบ้างนะ จังหวัดเลย นครราชสีมา ต้องมีคนรุ่นใหม่มาแทน ดีมากเลย
ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่พรรคการเมืองตั้งขึ้นแล้วเชิญชวนสมาชิกที่มีอุดมการณ์ตรงกัน เป็นเรื่องปกติที่นักการเมืองส่วนใหญ่เขาทำกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าคนในพรรคเราจะย้ายพรรค เราคงไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้ แต่ถ้าย้ายออกไปแล้ว โอกาสที่จะกลับเข้ามาในพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มี ไปแล้วก็ไปเลย เราจะไม่รับกลับมาที่พรรคอีก ในเมื่อเห็นแนวทางและอุดมการณ์อื่นดีกว่า ก็ต้องเดินหน้าต่อไปโดยที่ไม่ต้องถอยกลับมา
นายภิรมย์ พลวิเศษ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า กระแสพรรคพลังประชารัฐตัดเกรดอดีต ส.ส.ขนาดเอ บี และใช้เงินเข้ามาเกี่ยวข้องในการเชิญเข้าร่วมพรรค พรรคพลังประชารัฐใช้แต่ความเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้อง และที่สำคัญความพึงพอใจและเชื่อมั่นในผู้นำพรรค และนโยบายพรรคที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของประชาชน และนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ จึงมีอดีต ส.ส.แจ้งความประสงค์จะเข้ามาทำงานร่วมกัน โดยไม่มีการใช้เงินเข้ามาเกี่ยวข้องตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พรรคพลังประชารัฐจะมีการเปิดตัวผู้สมัครส.ส.เป็นครั้งแรก ในวันที่ 30 มิถุนายน 2562 นี้ ที่สนามกอล์ฟ ไพน์เฮิทร์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี่ การเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้เป็นการรวมตัวของอดีตส.ส.จากหลายพรคการเมืองจึงเป็นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะมีใครบ้าง คงจะรู้หลังแอบหลังม่านมานานเปิดตัวพรรคครั้งนี้ ในชื่อชั้นของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ธรรมดาแน่
กระนั้นก็ตาม แม้สายดูด จะมีชื่อนักการเมืองรุ่นเก๋าอย่าง “สามมิตร” แต่ผู้ที่ถูกดูด อาจจะเป็นของ “ก็อปเกรดเอ”
เพราะเมื่อเช็กรายชื่อ นักการเมืองในข่ายทาบทาม จำนวนมาก ไม่ใช่ “ดาวฤกษ์” ที่เจ๋งด้วยตนเอง หลายคนเป็น ส.ส. สมัยแรก และสมัยเดียวเพราะกระแสพรรคเดิม จึงไม่ชัดเจนว่า การย้ายไปร่วมพรรคพลังประชารัฐ จะได้แต้มกลับมาเท่าไร ที่สุดแล้ว อาจจะไม่คุ้มสำหรับนายทุนกลุ่ม 3 มิตร ก็เป็นได้
Ringsideการเมือง