นายสุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการด้านศาสนา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่สังคมกำลังถกเถียงกันว่า ควรยกย่องใครระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและผู้นำทางจิตวิญญาณ ในการช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีที่ล่าสุดสามารถตามหาตัวจนพบแล้วว่า ใครจะศรัทธา ไม่ศรัทธา หรือหมั่นไส้ครูบาบุญชุ่มหรือไม่ก็เป็นเสรีภาพนะครับ แต่ทั้งพระสัตตะปาปา พระสังฆราช ผู้นำอิสลามเป็นต้น ที่สวดตามความเชื่อของศาสนาตนเองและการทำพิธีของครูบาบุญชุ่ม ต่างเป็น “ความเชื่อ” และไม่มีใครยืนยันว่าความเชื่อเป็นตัวการช่วยเด็กออกมา เจ้าหน้าที่เป็นผู้ช่วยเด็กออกมาด้วยวิธีคิดและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ แปลว่า ความจำเป็นสูงสุดที่สังคมเราต้องพัฒนาคือทักษะความสามารถของเจ้าหน้าที่และความพร้อมของเครื่องไม้เครื่องมือ พร้อมทั้งความร่วมแรงร่วมใจของสังคม
ส่วน “ความเชื่อ” มีความหมายเพียงในทางจิตวิทยาคือ อาจทำให้มีความหวัง มีกำลังในสถานการณ์ที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีคำตอบทางวิทยาศาสตร์บอกได้ว่า 13 คนเป็นตายร้ายดีอย่างไร ในสถานการณ์นี้เมื่อครูบาบุญชุ่มบอกว่า “เด็ก 13 คนยังปลอดภัยดี” ลองคิดในมุมของพ่อแม่เด็กนะครับว่าคำพูดแบบนี้ทำให้พ่อแม่เด็กรู้สึกมีความหวัง มีกำลังใจมากขึ้นหรือไม่ ไม่ต้องไปสนใจว่าแกทำนายผิดหรือถูก ไม่ต้องให้เครดิตอะไรเลยก็ได้ แต่เราน่าจะเดาได้ว่าคำพูดนี้มีความหมายต่อจิตใจพ่อแม่เด็กอยู่บ้างอย่างแน่นอน
“ไม่ได้เชียร์ครูบาไหนๆ แค่คิดว่าสังคมนี้มันก็อยู่กันด้วยคนหลายประเภทหลายความเชื่อแบบนี้” นายสุรพศ ระบุ
นายสุรพศ ทวีศักดิ์