หน้าแรก news “อดีต ส.ส.วัชรพงศ์” เผยเศรษฐกิจสระบุรีหดตัว แนะภาครัฐสร้างจุดขายหวังเงินสะพัดเกิน 400 ล้านต่อปี

“อดีต ส.ส.วัชรพงศ์” เผยเศรษฐกิจสระบุรีหดตัว แนะภาครัฐสร้างจุดขายหวังเงินสะพัดเกิน 400 ล้านต่อปี

0
“อดีต ส.ส.วัชรพงศ์” เผยเศรษฐกิจสระบุรีหดตัว แนะภาครัฐสร้างจุดขายหวังเงินสะพัดเกิน 400 ล้านต่อปี
Sharing

นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ อดีต ส.ส.สระบุรี สมาชิกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงภาพรวมของเศรษฐกิจภายในสระบุรีว่า ถือว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่าธุรกิจภาคบริการและการท่องเที่ยวถดถอยลงมาก โดยเฉพาะทั้งโรงแรมและร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงไปมาก เงินหมุนเวียนที่มาจากการท่องเที่ยวหายไป ที่ผ่านมาในแต่ละปีจังหวัดสระบุรีจะมีเงินหมุนเวียนที่มาจากการท่องเที่ยวมากกว่าประมาณ 400 ล้าน ทั้งนี้ จากภาวะที่เกิดขึ้น ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวทั้งโรงแรมและร้านอาการเริ่มแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว พบว่าในช่วงต้นปี 2560-2561 ที่ผ่านมา ร้านอาหารใหญ่ ๆ ปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการน้อยลง

นายวัชรพงศ์ กล่าวต่อว่า ที่เป็นเช่นนี้เป็นผลมาจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่ลดลงไปมาก นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลดลง ภาครัฐไม่ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง การค้าขายเริ่มประสบปัญหาส่งผลต่อเนื่องมาถึงภาคธุรกิจตามต่างจังหวัด  ดังนั้น เมื่อภาพธุรกิจใหญ่ไม่ค่อยดี ก็ส่งผลให้มีคนมาพักผ่อนน้อย งานสัมมนาก็ไม่มี จากสภาวะเกิดขึ้น เมื่อเกิดสภาพคล่องไม่ดี ก็เริ่มมีการลดคนงาน ตัวเลขพนักงานในภาคธุรกิจและบริหารเริ่มตกงานมากขึ้น หากยังไม่มีการแก้ไขในอนาคตอาจจะประสบปัญหาหนักมากขึ้น

นอกจากนี้ จากโครงการมอเตอร์เวย์ ที่จะมีการตัดผ่านจังหวัดสระบุรีมุ่งหน้าไปนครราชสีมาโดยตรง จะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงไปอีก เพราะจำนวนรถยนต์ที่ผ่านมาสระบุรีก็จะลดลงตามไปด้วย อาจจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวไม่แวะเที่ยวจังหวัดสระบุรีน้อยตามไปด้วย ดังนั้น หากภาครัฐไม่ให้ความสนใจในการเร่งพัฒนาหรือสร้างจุดขายใหม่ให้จังหวัดสระบุรี ก็อาจจะได้รับผลกระทบมากขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวจะมองผ่านจังหวัดสระบุรีไป

“ในส่วนของภาคเกษตร ราคาสินค้าเกษตรลดลงไปมาก โดยเฉพาะในเรื่องขององุ่นที่จากเดิมในพื้นที่จังหวัดสระบุรีมีจำนวนไร่องุ่นจำนวนมาก แต่ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีการปิดตัวลงของไร่องุ่น เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประกอบกับโรงงานผลิตไวน์ในพื้นที่ก็ปิดตัวลง ผู้ประกอบการจำต้องปิดตัวลง รวมทั้งที่ผ่านมาผู้ประกอบการไม่ได้รับการดูแลจากภาครัฐอย่างจริงจัง ในการสร้างจุดขายให้กับพื้นที่ ผู้ประกอบการแบกรับภาระไม่ไหวก็ปิดตัวลงในที่สุด ดังนั้น อยากให้ภาครัฐหันมาส่งเสริมการท่องเที่ยวมากกว่านี้”

นายวัชรพงศ์ กล่าวด้วยว่า แต่ที่ผ่านมาถือว่ายังมีความโชคดีอยู่บ้างเพราะภาคอุตสาหกรรมการผลิตไม่กระทบมากนัก เพราะในสระบุรีช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมามีการขยายตัวของอุตสาหกรรมมากขึ้น ทั้งกลุ่มเหมราช และ นิคมอุตสาหกรรมหนองแค ไม่มีผลกระทบมากนัก ผู้ประกอบการยังคงมีการขยายกำลังการผลิตและขยายฐานการผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ที่บริษัทส่วนใหญ่ที่สระบุรีเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก ยังมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ก็ควรที่จะเร่งส่งเสริมการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาขยายฐานการผลิตในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยให้มากขึ้นเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และแก้ปัญหาเศรษฐกิจในจังหวัดด้วย


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่