นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตประธานกรรมาธิการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่เพิ่งผ่านที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า ความมุ่งหมายของยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อแก้ปัญหาประเทศ เพราะที่ผ่านมาการบริหารประเทศเปลี่ยนแปลงไปตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งไม่ต่อเนื่อง แม้แต่ในรัฐบาลเดียวกันเมื่อเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีนโยบายก็เปลี่ยนด้วย เหล่านี้คือปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขจริงจังโดยยึดหลักการบริหารประเทศต้องมีจุดมุ่งหมาย มีกรอบไปในแนวทางเดียวกัน ดังนั้น เมื่อเราอยู่ในช่วงของการปฏิรูปประเทศ เราก็ต้องมีทิศทาง จึงจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ
ขณะที่มุมมองเรื่องของการบังคับใช้ และกรอบระยะเวลา 20 ปี ที่ถูกวิจารณ์จำนวนมากนั้น นายเสรี ระบุว่า คนที่ทำยุทธศาสตร์ชาติตอนนี้อายุ 60-70 ปี ก็จริง แต่มันก็สะท้อนว่าไม่ได้ทำเพื่อผู้มีอำนาจขณะนี้ให้ครองอำนาจต่อไป แต่เป็นการทำเพื่อคนรุ่นถัด ๆ ไป และกรอบ 20 ปีเองก็เป็นหลักประกันว่าอย่างน้อย 20 ปี มันมีความชัดเจนเรื่องเป้าหมายการบริหารประเทศ เราใช้ข้าราชการเป็นตัวจักร นำนโยบายไปปฏิบัติ เพราะฉะนั้นข้าราชการต้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ถ้าข้าราชการไม่ทำตามอาจถูกส่งต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดได้ หรือแม้แต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จะถูกตรวจสอบว่าทำตามยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่
ส่วนเรื่องของการจำกัดนโยบายพรรคการเมือง แม้จะมาจากเสียงของประชาชนนั้น นายเสรี ย้ำว่า อย่างไรเสียนโยบายพรรคการเมืองต้องมีกรอบ แต่ภาคการเมืองอย่าเพิ่งไปกังวล คนที่กังวลกำลังจะคิดอะไรที่มากไปกว่ากรอบที่กำหนดไว้หรือไม่ ตรงนี้ขอให้ทำตามกรอบที่กำหนดให้ได้ก่อน
“ต้องบอกว่ายุทธศาสตร์ชาติผูกมัดนโยบายพรรคการเมือง ถามว่ามันอยู่ในกรอบไหม ตอบว่าต้องตีกรอบ ซึ่งนักการเมืองสามารถจัดการได้อยู่แล้ว และแน่นอนว่ายุทธศาสตร์ชาติต้องสำคัญกว่านโยบายพรรคการเมือง ปัญหาก็คือว่าจะไปตั้งให้นโยบายพรรคสำคัญกว่าการบริหารประเทศได้อย่างไร” นายเสรีกล่าว