หน้าแรก news “สดศรี” แนะ คนไทย อยู่ร่วมการเมืองระบบ “ไฮบริด” หนุน กกต.ตรวจนโยบายหาเสียง เชื่อ ปกป้องพรรคการเมือง – ประเทศชาติ

“สดศรี” แนะ คนไทย อยู่ร่วมการเมืองระบบ “ไฮบริด” หนุน กกต.ตรวจนโยบายหาเสียง เชื่อ ปกป้องพรรคการเมือง – ประเทศชาติ

0
“สดศรี” แนะ คนไทย อยู่ร่วมการเมืองระบบ “ไฮบริด”  หนุน กกต.ตรวจนโยบายหาเสียง เชื่อ ปกป้องพรรคการเมือง – ประเทศชาติ
Sharing

นางสดศรี สัตยธรรม อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวถึงการเมืองไทย ว่า อยากให้สังคมให้โอกาสระบบการเมืองไฮบริด ที่มีทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติ, ส.ส.เลือกตั้ง, ส.ว.แต่งตั้ง ฯลฯ โดยเห็นว่าเป็นแนวทางใหม่ ที่น่าจะทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า และไม่มีการยึดอำนาจ

“ที่ผ่านมาประเทศไทยลองมาทุกวิธีแล้ว ทั้งการปกครองแบบประชาธิปไตย การปกครองโดยเผด็จการ แต่สุดท้ายประเทศชาติมันไม่ก้าวไปข้างหน้า เราอาจจะต้องหาระบบที่เหมาะสมกับประเทศเรามาใช้ มาถึงตอนนี้ เราพูดเรื่องการเมืองระบบ ไฮบริด หรือการเมืองลูกผสม ระหว่างประชาธิปไตย กับเผด็จการ ซึ่งมันสะท้อนผ่านเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2560 ที่มีทั้ง ส.ส.เลือกตั้ง ส.ว.แต่งตั้ง มีแผนยุทธศาสตร์ชาติ แน่นอนบางฝ่ายอยากจะฉีกมันทิ้ง แต่ส่วนตัวมองว่า เมื่อเราลองมาทุกอย่าง เราจะลองอยู่กับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ กับการเมืองแบบไฮบริดจะเป็นไร มันเป็นระบบที่ให้ฝ่ายกองทัพ มาตรวจสอบฝ่ายการเมืองในสภา ถือว่าอยู่ตรง ฝ่ายการเมืองก็มีบทบาท ฝ่ายกองทัพก็มีบทบาท มันอาจจะทำให้ประเทศไทยไม่มีรัฐประหารและสามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้”

นางสดศรี กล่าวต่อว่า มีความกังวลในบทบาทของ กกต. ที่จะเข้ามาตรวจสอบนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง บางคนมอง อาจจะปิดโอกาสของพรรคในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ปิดโอกาสของประชาชนในการเข้าถึงนโยบายใหม่ๆ แต่ส่วนตัวคิดว่า การตรวจสอบนโยบายเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะ กกต. จะมีเกณฑ์ชัดเจนว่า จะทำนโยบายอย่างไร จะเอาเงินมาจากไหน ถ้านโยบายไหนผ่าน ก็หาเสียงได้ ถ้าได้เป็นรัฐบาล ก็ทำนโยบายให้เป็นรูปธรรมได้ บนความสบายใจของทุกฝ่ายว่าเป็นเรื่องที่ทำได้จริง ไม่สร้างความเสียหายกับประเทศชาติ เพราะผ่านการตรวจสอบมาแล้ว และถ้าเกิดมีการฟ้องร้อง พรรคการเมืองสามารถอ้างการตรวจสอบของ กกต. ไปต่อสู้ในชั้นศาลได้อีก เป็นการปกป้องพรรคการเมือง ในฐานะที่มีจำเลยร่วม ดีกว่าถูกโดดเดี่ยว

สำหรับการเข้ามาของ กกต. ชุดใหม่ ที่น่าจะได้จัดการเลือกตั้งรอบหน้า นางสดศรี กล่าวว่า เป็นห่วง กกต. ชุดหใหมที่จะเข้ามาทำงาน เพราะเขาต้องทำงานคู่ไปกับผู้ตรวจการ กกต. มันเป็นการทำงานบนฐานอำนาจที่ทับซ้อนกันอยู่ การทำงานอาจจะไม่ราบรื่น ที่สำคัญหากมีการฟ้องร้องระหว่างกันขึ้น อาจจะทำให้การเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไป ไปจนถึงการตั้งรัฐบาลชุดใหม่ไม่ได้

“ถ้า กกต. มีความคลางแคลงใจ แนะนำให้เร่งยื่นศาล รธน. วินิจฉัยออกมา อาทิ เรื่องการเลือกตั้งต้องเสร็จสิ้นใน 150 วัน มีความสงสัยว่า การจัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จไหมายถึงแค่จัดเลือกตั้ง หรือต้องรอประกาศผล เรื่องนี้ ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ดีกว่า ปล่อยล่วงเลยจนหย่อนบัตรกันเสร็จ แล้วดันมีคนมาร้อง ถึงตอนนั้น อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้”


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่