นายวันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำวิทยาลัย รัฐกิจ ม.รังสิต กล่าวถึงความเห็นของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เสนอให้ทุกภาคส่วน มองข้ามความแตกต่าง รวมใจเป็นหนึ่ง เพื่อทำภารกิจพัฒนาโคราช ว่า
เป็นงานที่ยาก แต่ก็สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ จากประวัติศาสตร์ จังหวัดนครราชสีมา มีเจ้าของพื้นที่หลายกลุ่ม กระทั่งในปัจจุบัน ก็ยังไม่เป็นเอกภาพ กลุ่มที่มีความโดดเด่นอาทิ เช่น กลุ่มของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่เข้ามาตั้งแต่ในยุคของพลเอกชาติชาย ชุนหะวัน, กลุ่มของคุณระนองรักษ์ สุวรรณฉวี, กลุ่มเชิดชัย, และยังมีกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย กลุ่มเหล่านี้เป็นที่นิยมเพราะสร้างผลงานให้จังหวัด
อย่างไรก็ตาม ทุกกลุ่ม มีมารยาททางการเมือง ทำงานอย่างสุภาพ ไม่ใช้ความรุนแรง จึงสามารถพูดคุยกันได้ ขณะที่คนในพื้นที่ ก็เบื่อหน่ายกับความขัดแย้ง ยิ่งตอนนี้คนโคราชตื่นตัวเรื่องการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ แนวทางของนายอนุทิน เมื่อตั้งใจจริง ย่อมมีโอกาสเห็นความเป็นรูปธรรม
“ทั้งนี้ หากกลุ่มการเมืองโคราชรวมตัวกันติด ย่อมจะสร้างผลดีให้กับคนในพื้นที่ ส่วนคนที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ จะเป็นใครก็ได้ ขอแค่เป็นที่ยอมรับ ก็สามารถทำงานให้ลุล่วงได้”
แต่ที่น่าชื่นชมคือ การกล้าเปิดประเด็น เรื่องการสร้างความสามัคคีในพื้นที่ ส่วนตัวมองว่าเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองของนายอนุทิน เพราะต้องยอมรับความจริงที่ ในอดีตฝ่ายการเมือง มีส่วนร่วมในการสร้างความขัดแย้ง ฝ่ายการเมืองจึงต้องทำหน้าที่ ดึงทุกภาคส่วนที่เคยชิงชังให้กลับมาทำงานเพื่อบ้านเมือง
ทั้งนี้ หากโมเดลใช้ความสามัคคีสร้างความสำเร็จเกิดขึ้นได้จริงในโคราช จะกลายเป็นตัวอย่างให้ทุกจังหวัดทำตาม
ด้าน ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ กล่าวว่า เป็นการสะท้อนจุดยืนของตัวหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะกาวประสานทุกภาคส่วน ที่เคยขัดแย้งแตกหักกันไป ให้กลับมารวมกันใหม่ เพื่อให้จังหวัดมีความรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น