ท่ามกลางกระแสการดูดนักการเมือง ซึ่งเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และอีกหลายพรรคต้องเฮโลมาร่วมชุลมุน ในฐานะของการตั้งรับ แนวรุก “กลุ่มสามมิตร” เป็นข่าวลงหน้าหนึ่งไม่พ้นแต่ละวัน ที่นักข่าวเขียนกันไฟแลบ ปรากฎภาพสาดโคลนระหว่างนักการเมืองด้วยกัน จนนักวิชาการรุ่นใหญ่ ต้องออกมาปราม
รศ. สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง กล่าวว่า
“ผมไม่เห็นด้วยกับการที่นักการเมืองจะมานั่งชี้หน้ากัน เพราะมันทำให้ดูเหมือนว่านักการเมืองเป็นคนเลว เมื่อชี้กันไป-มาก็จะกลายเป็นว่าเลวกันหมด มันเลยเกิดวลีขึ้นมาว่าเวลาเลือกตั้งให้เลือกคนที่เลวน้อยที่สุด แสดงว่าคนลงเลือกตั้งมีแต่คนเลวทั้งนั้น ซึ่งมันไม่ดีต่อระบอบประชาธิปไตย หากนักการเมืองเป็นคนไม่ดีในสายตาประชาชนแล้ว คนจะไม่ศรัทธาต่อการเลือกตั้ง ไม่ศรัทธานักการเมือง ประชาธิปไตยจะไปยาก เพราะฉะนั้นอย่าสาวไส้กันเอง ผมจึงบอกว่าที่คุณภูมิธรรมกับคุณศุภชัยพูดเป็นคำเตือนนักการเมือง”
ฟังไม่ฟัง แล้วแต่นักการเมืองน้อยใหญ่จะพิจารณา แต่ในขณะที่หลายพรรคใส่กันยับเรื่องพลังดูด หนึ่งในพรรคที่นิ่งเฉยที่สุดคือ “พรรคภูมิใจไทย”
สำหรับพรรคภูมิใจไทย ในตารางอันดับพรรคการเมืองไทย ถือเป็นพรรคเบอร์ 3 ในยุคของหัวหน้าพรรคชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล มุ่งหวังว่าจะสร้างพรรคให้เติบโตยิ่งกว่านี้ แม้จะไม่ใช่พรรคเบอร์ 1 – 2 ในเร็ววัน แต่จะเป็นพรรคเบอร์ 3 ที่จี้เบอร์ 2 ในระยะห่างที่ใกล้ที่สุด และจะทิ้งห่างพรรคเบอร์ 4 แบบไม่เห็นฝุ่น
“โลกทัศน์” ทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยได้เปลี่ยนไปแล้ว
นายอนุทิน กล่าวว่า “ตนไม่ได้สนใจเรื่องดีลการเมืองมากนัก บางพรรคการเมืองอาจจะหวั่นไหว แต่สำหรับพรรคภูมิใจไทย ตนเชื่อว่า คนคุณภาพของพรรค ไม่มีใครคิดจะย้ายออกไปจากพรรค สำหรับพรรคภูมิใจไทย จะไปดูดใครหรือหรือไม่ เราเชื่อมั่นในนโยบายของพรรค การลงพื้นที่ของสมาชิกพรรค ตัวผู้สมัครและสมาชิกพรรคทุกคน พรรคไม่มีนโยบายตั้งหน้าตั้งตาไปดึงตัวคนของพรรคอื่นมาร่วม
พรรคภูมิใจไทย รู้ว่าอะไรคือความเป็นจริง และอะไรคือกระแสชั่ววูบ พรรคขอดำเนินนโยบายที่สอดรับกับความเป็นจริงดีกว่า ตนตั้งปณิธานไว้แล้วว่า ส.ส.ของพรรคจะต้องอยู่กับประชาชน หาทางช่วยประชาชนได้จริง ไม่หลงไปกับกระแสทางการเมือง
ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยผ่านมาหมดแล้วทุกกระแส สิ่งที่ตามมาคือเรายังดำรงความเป็นพรรคต่อไปได้ เพราะพรรคตั้งปณิธานไว้แล้วว่า ต้องคิดในสิ่งที่เป็นไปได้จริง ให้ประชาชนได้รับประโยชน์จริง เราไม่ขายฝัน”
อ่านทุกประโยค ชัดเจนว่า จุดขายของพรรคคือการทำงานในพื้นที่ ควบคู่ไปกับการหานโยบายมาขายในการเมืองระดับชาติ ที่ต้องสอดรับกับโครงสร้างประเทศ
จึงไม่แปลกใจที่สมาชิกของพรรคภูมิใจไทย ถึงวันนี้ ยังเป็นกลุ่มคนการเมืองที่ลงพื้นที่หนัก กักตุนคะแนน และเป็นหนึ่งในพรรคที่มีความพร้อมที่สุด ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
นัยหนึ่งสะท้อนความไม่เชื่อมั่นว่าเพียงพลังดูดจะบันดาลทุกสิ่งได้
Ringsideการเมือง