หน้าแรก news ฟันธง! พรรคเบอร์ 1-3 ยังโกยเสียงเลือกตั้งได้ ลุ้น “สามมิตร” แยกวง “พลังประชารัฐ”

ฟันธง! พรรคเบอร์ 1-3 ยังโกยเสียงเลือกตั้งได้ ลุ้น “สามมิตร” แยกวง “พลังประชารัฐ”

0
ฟันธง! พรรคเบอร์ 1-3 ยังโกยเสียงเลือกตั้งได้  ลุ้น “สามมิตร” แยกวง “พลังประชารัฐ”
Sharing

ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ วิทยาลัยรัฐกิจ ม.รังสิต กล่าวในรายการริงไซด์นิวส์ ถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า หลายฝ่ายจับตาการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ในวันที่ 23-24 กรกฏาคม 2561 ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดอำนาจเจริญ ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีการมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองและเปิดโอกาสให้กับกลุ่มการเมืองมีการเคลื่อนไหว รวมทั้งข่าวการทาบทามนักการเมืองให้ไปร่วมงานกับกลุ่มการเมืองที่สนับสนุน คสช.โดยมีการใช้คำว่า “ดูด”

การเคลื่อนไหวของพลเอกประยุทธ์และคณะ ที่อุบลราชธานีนั้น  ในทางการการเมืองนั้นถือว่าเป็นการเคลือนไหวที่น่าจับตามอง เพราะในการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยสามารครองเก้าอี้ ส.ส.รวมทั้งสิ้น 7 จาก 10 ที่นั่ง ดังนั้น พอมีกระแสการย้ายพรรคของอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นที่ชัดเจนว่า  นายสุพล ฟองงาม อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ที่มีแนวโน้มว่าจะไปอยู่กับกลุ่มสามมิตร

 

ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงกรณีการย้ายพรรคของอดีต ส.ส.ในจังหวัดอุบลราชธานีว่า เกิดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะท่าทีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ชัดเจนว่าจะสู้ต่อหรือไม่ต่อสู้ทางการเมือง  ในขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่มีหัวหน้าพรรค ทำให้เกิดความลังเลใจ

แต่กระนั้นก็ตามในพื้นที่อีสานยังเป็นฐานที่มั่นของของกลุ่มการเมือง โดยเฉพาะแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งอาจจะเจาะยากหน่อย ในขณะเดียวกันในพื้นที่อีสานที่ผ่านมาพบว่าที่ผ่านมาอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่มีการทำงานพื้นที่ต่อเนื่อง และที่สำคัญคือความไม่มีเอกภาพของ ส.ส.ในพื้นที่ รวมทั้งการขัดกันของแกนนำ ส.ส.ในพื้นที่ โดยเฉพาะอุบลราชธานี ที่มีหลายกลุ่มการเมือง ทำให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่นี้มาก เพราะเป็นที่ชัดเจนว่ากลุ่มการเมืองที่มีความขัดแย้งกันชัดเจนคือ กลุ่มนายสุพล ฟองงาม กลุ่มนายเกรียง กัลปินันท์ และกลุ่มพลตำรวจเอกชิดชัย วรรณสถิตย์ ก็ยังไม่ลงตัวกัน ทำให้เกิดการขัดแย้งและเปิดให้กลุ่มการเมืองอื่นเข้าไปแทรกได้

ขณะที่ ผศ.วันวิชิต กล่าวต่อว่า ในส่วนของกลุ่มสามมิตร ที่ถูกจับตามองว่า หาก คสช.ปลดล็อกเมื่อไหร่ เกรงว่าบรรดาอดีต ส.ส.ที่เคยมีข่าวว่าจะมาร่วมงานกันก็อาจจะหนีกลับไปอยู่กับพรรคเก่าได้ รวมทั้งกรณีกระแสข่าวที่ว่ากลุ่มสามมิตรอาจจะแยกตัวจากพรรคพลังประชารัฐมาตั้งพรรคการเมืองใหม่ ขเพราะหวั่นว่าหากยังอยู่กับพลังประชารัฐอาจจะเสียโอกาสทางการเมืองได้ เพราะกระแสประชาชนไม่เอาทหารเริ่มดังขึ้น

ดังนั้น อาจจะมีการปรับแผนใช้รูปแบบแยกกันเดิน รวมกันตี โดยเปิดสูตรการเมืองใหม่ ใช้หลายพรรคเพื่อดึงคะแนนปาตี้ลิสต์ รวมทั้งตัดเสียงของพรรคเพื่อไทยด้วย  ในขณะเดียวกันถ้ามองในมุมของการเมือง เชื่อว่าแกนนำกลุ่มสามมิตรกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะยังอยู่กับพลังประชารัฐหรือจะตั้งพรรคการเมืองใหม่  เพราะการเดินเกมการเมืองทั้งสองแบบ มีความได้เปรียบและเสียเปรียบต่างกัน

ในส่วนของการเลือกตั้งที่จะถึงนั้น เชื่อว่าพรรคอันดับ 1-5 จะเป็นพรรคเก่าและพรรคการเมืองใหม่ ที่จะมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ที่ยังคงมีฐานเสียงในพื้นที่ รวมไปถึงพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่  น่าจะมีโอกาสมี ส.ส.ลดหลั่นกันไป

นอกจากนี้ เชื่อว่ามีขบวนการที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยไปเป็นฝ่ายค้านจะทำงานอย่างเข้มข้นในการทำให้เพื่อไทยไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง นอกจากนี้แล้ว ยังอาจเจอปัญหาความลังเลใจของมวลชน กับการขับเคลื่อนของพรรคเพื่อไทยและจุดยืนของกลุ่ม นปช.ด้วย


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่