รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวผ่านรายการริงไซด์การเมือง ถึงการทำงานของ กกต.ว่า กรณีที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการการเลือกตั้งที่ กกต.ได้ของบประมาณในการจัดการการเลือกตั้งจากรัฐบาลจำนวนกว่า 8,200 ล้านบาท ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นสิ่งยืนยันว่ารัฐบาลจะให้มีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน ซึ่งในฐานะที่ตนทำงานที่กกต.มาก่อนก็เชื่อว่าการตั้งงบประมาณที่มีข่าวออกมาไม่เกินเลย
โดยงบประมาณที่ออกมานั้น อยากจะชี้แจงให้ทราบว่า งบประมาณที่ขอไป แบ่งออกเป็นงบประจำ ไม่ว่าจะเป็นงบการดำเนินการในการทำงานของ กกต.คาดว่าจะอยู่ที่ 2,400 ล้านบาท ที่เหลือเป็น 5,800 ล้านบาท เป็นงบประมาณที่ไว้ใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ทั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) และการเลือกตั้งท้องถิ่น
สำหรับการเลือกตั้งที่จะถึงนั้น เป็นที่ชัดเจนว่าจะมีการแต่งตั้ง ส.ว.ก่อน หลังกฏหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อไหร่ ก็เตรียมการได้เลย หลังจากนั้นจึงจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นไปตามกฏหมาย เพราะกฎหมายกำหนดว่าจะต้องได้ ส.ว.ก่อนเลือกตั้ง ส.ส.เป็นเวลา 15 วันก่อนวันเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งนี้ ในส่วนของการเลือกตั้งท้องถิ่น จะเกิดขึ้นก่อน ส.ส.หรือไม่นั้น คงบอกไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาทางรัฐบาลอยากให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.แต่จากการประเมินรวมทั้งการทำกฏหมายแล้ว ไม่น่าจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อน ส.ส.เพราะกฏหมายว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่สรุป
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของ กกต.ชุดใหม่นั้น ตนให้กำลังใจ เชื่อว่าทำงานได้ เพราะมีบรรดาข้าราชการประจำใน กกต.ช่วยในเรื่องของการทำงาน ตนเชื่อว่าการทำงานของ กกต.ชุดใหม่เหนื่อยแน่นอน ปีแห่งการเลือกตั้งปีหน้า เชื่อว่ากกต.เหนื่อยหนักแน่ ส่วนที่จะทำงานด้วยความเป็นกลางหรือไม่นั้น ตนเชื่อว่าเขาเป็นกลางแน่นอน แม้จะมีข่าวว่าเป็นคนของใคร แต่เชื่อว่าเมื่ออยู่ในตำแหน่งแล้ว ต้องวางตัวเป็นกลาง เพราะสังคมจับตาดูอยู่ อย่าไปคิดถึงบุญคุณใคร เพราะสุดท้ายหากมีอะไรเกิดขึ้นใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า ประชาธิปไตยของเรายังต้องมีการพัฒนากันไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็คือคนในสังคมไทยต้องยอมรับกติกา ปัญหาของประเทศที่ผ่านมานักการเมืองก็มีส่วนสำคัญในการสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น ณ วันนี้ตนยังมีความไม่สบายใจว่าการเมืองไทยจะดีขึ้น เพราะกติกาการเมืองยังไม่นิ่ง ในขณะเดียวกันรัฐรรมนูญก็มีปัญหา ทำให้การทำงานติดขัดไปหมด กติกาการเลือกตั้งต้องวุ่นวายไปหมดและไม่จบสิ้น ส่งผลให้การพัฒนาประชาธิไตยไทยยังต้องมีการพัฒนาและได้รับการยอมรับมากกว่านี้
“เมื่อมีการเลือกตั้ง ประชาชนต้องใช้การเลือกตั้งเป็นโอกาส ในการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ ใครไม่ดีก็อย่าไปเลือก และให้บทเรียนพวกที่ไม่เคารพกติกา ตนมั่นใจว่าการเลือกตั้งของประชาชนจะเป็นทางออกที่ทำให้เป็นโอกาสที่ดีที่จะเปลี่ยนสภาวะที่เกิดขึ้นไปสู่อนาคตที่ดีได้ เป็นโอกาสเดียวของคนไทยที่จะสามารถปรับเปลี่ยนประเทศไทย เปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศไทยที่ดีขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้นการเลือกตั้งคือโอกาสเดียวที่จะทำให้ประเทศชาติดีขึ้น ไม่ควรที่จะเกิดปัญหาอะไรอีกแล้ว ” นายสมชัยกล่าว