มือปั้นอย่าง “เสี่ยเนวิน” บอกว่า พอแล้วกับบทบาทการเมือง ที่ผ่านมาถือเป็นความผิดพลาด ยัน มีความสุขกับงานที่ทำในปัจจุบัน แต่ยังฝันอยากยกระดับชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ จากการถอดสูตรลับ “บุรีรัมย์โมเดล” ด้วยหลักการ “ลดอำนาจรัฐ” ให้กลับคืนกลับสู่มือประชาชน พร้อมชูแนวคิด พักหนี้ กยศ. 5 ปี, โครงการโรงไฟฟ้าน้ำมันปาล์ม, แก้ พ.ร.บ.โรงแรม, แกร๊บ-อูเบอร์ ถูกกฎหมาย ส่วนความฝันสุดท้ายคือ “อยากไปที่ชอบ ๆ”
นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐมนตรีหลายสมัย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ THE STANDARD Daily เมื่อวันที่ 24 ก.ค.61 ถึงเรื่องราวส่วนตัว รวมทั้งแนวคิดการแก้ปัญหาทางการเมืองในปัจจุบัน โดยนายเนวิน เสนอแนวคิดลดอำนาจรัฐ โดยยกตัวอย่างปัญหาในปัจจุบันที่มองว่า รัฐยังแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เช่น กรณีการไล่จับ โฮมสเตย์ Airbnb ซึ่งเกิดขึ้นมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ส่วนตัวจึงไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐไปดำเนินคดี ทั้ง ๆ ที่เป็นอาชีพสุจริต ความเป็นจริงเราควรแก้ พ.ร.บ. โรงแรม ซึ่งจะเปิดทางให้คนผ่อนคอนโดในกรุงเทพฯ สามารถปล่อยเช่ารายวันได้อีกด้วย
นายเนวิน กล่าวว่า ความขัดแย้งทางนโยบายขณะนี้คือ รัฐส่งเสริมเมืองรอง แต่กลับไม่มีบริการขนส่งสาธารณะ ยกตัวอย่างที่จังหวัดบุรีรัมย์ เวลาจัดงานใหญ่แต่ละครั้ง ค่ารถโดยสารรับจ้างเกือบจะแพงเท่ากับค่าเครื่องบินไปบุรีรัมย์เสียด้วยซ้ำ เลยอยากทำให้ธุรกิจประเภท GRAB หรือ Uber ให้ถูกกฎหมาย เพราะเหล่านี้ถือว่าเป็น Sharing Economy ถ้าทำได้จริง รัฐไม่ต้องเสียงบประมาณไปกับการอบรมอาชีพอย่างที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่ามีอีกหลายกรณีที่อำนาจรัฐทำให้เกิดความเสียหาย
ส่วนเรื่องการศึกษา กรณีเรียนฟรี ฟังแล้วดูหล่อ ดูดี แต่กลับมีโครงการกู้ยืมเพื่อการศึกษา อย่าง กยศ. แต่ตอนจบมันไม่สวยอย่างที่โฆษณา ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าทรัพยากรมนุษย์มีความสำคัญ เพราะสามารถต่อยอดสร้างโอกาส สร้างประโยชน์ให้บ้านเมือง อย่างบุรีรัมย์โมเดลสำเร็จได้เพราะมาจากการสร้างสรรค์ของทรัพยากรบุคคล ซึ่งตอนนี้บ้านเราเรียนฟรีไม่จริง ตั้งแต่เด็ก-ระดับดับมหาวิทยาลัย เมื่อเรียนจบไปก็เป็นหนี้เสีย แล้วรัฐก็บอกว่า ถ้าหลังเรียนจบสองปีไม่ใช้หนี้จะถูกดำเนินคดีและอาจติดเครดิตบูโร เหล่านี้มันตัดโอกาสการทำงานของอนาคตของชาตินับล้านคน จึงคิดอยากพักหนี้สัก 5 ปี ให้เด็กเรียนจบมามีโอกาสต่อสัก 5 ปี ได้หรือไม่ ตนเชื่อว่าหนี้เสียของประเทศจะลดลงไปได้มาก และขั้นต่อไปอยากให้เรียนฟรีจนจบ ป.ตรี ด้วยซ้ำ แต่เมื่อถามว่าจะเอาเงินมาจากไหน ตอบว่าก็เอามาจากค่าจ้างทนายที่รัฐจ่ายคดีละ 10,000 บาท ซึ่งกรณี กยศ.กว่า 4 ล้านกรณี ฉะนั้น ในแต่ละปีรัฐเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้มหาศาล แต่เราเอางบประมาณตรงนี้มาใช้ได้
อีกเรื่องคือ การแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ อย่างปาล์มน้ำมันที่ปลูกมากในภาคใต้ นายเนวิน เห็นด้วยกับแนวคิดสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำมันปาล์ม แน่นอนว่าแม้ต้นทุนจะสูงแต่ต้องมองให้รอบด้าน ถ้าต้นทุนสูง 1 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่มันรักษาสิ่งแวดล้อมได้หมด สามารถแก้ปัญหาพลังงานไฟฟ้ามีไม่พอใช้ ที่สำคัญมันทำให้ชาวสวนปาล์มอยู่ได้ แล้ว 14 จังหวัดภาคใต้จะกลายเป็นพื้นที่สีเขียวด้วย
“วันนี้กระบี่ที่เดียว สร้างรายได้ 8 หมื่นล้านบาทต่อปี ทั้งภาคใต้ 4 แสนล้านต่อปี ฉะนั้น ลงทุนแค่หมื่นล้าน คุ้มแน่”
นายเนวิน ย้ำว่า เรื่องเหล่านี้รัฐควรเป็นเจ้าภาพ แต่ติดปัญหาอย่างเดียวคือ “อำนาจรัฐ” ที่ควรลดลงบ้าง คนที่ไม่ได้อยู่กับชาวบ้าน ไม่รู้หรอกว่าชีวิตชาวบ้านแย่มาก ที่อำนาจรัฐไปกระทบกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยเฉพาะเรื่องทำมาหากิน ทั้งนี้ ฝ่ายการเมืองเอาอำนาจจากประชาชนผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว อย่าให้อำนาจมาอยู่ในมือของพรรคการเมืองหรือนักการเมือง แต่นักการเมืองนี่แหละควรไปเอาอำนาจจากรัฐ มาคืนประชาชน
เมื่อถามถึงบทบาทการเมือง นายเนวิน ย้ำชัดว่า จะไม่หวนกลับสู่เวทีการเมืองอีก ที่ผ่านมามองเป็นเรื่องผิดพลาด ซึ่งตอนนี้แม้ตนไม่ใช่นักการเมืองก็ยังทำอะไรได้เยอะกว่า ส่วนการทำเพื่อบุรีรัมย์ ถือว่ามาครึ่งทางแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้มีบทบาททางการเมือง แต่เรื่องที่อยากทำคืออยากเห็นคนในประเทศฉลาด เพราะเมื่อออกมาอยู่ในมุมที่ไม่ใช่รัฐ เลยทำให้เห็นว่าการมีอำนาจรัฐเยอะ มันยิ่งทำให้การพัฒนาล่าช้า ส่วนตัวจึงดีใจที่นายสุด นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) “ดวงตาเห็นธรรม” ยอมรับว่าไทยออกกฎหมายมามากเกินไป
ในตอนท้าย ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผู้นี้ เปิดเผยแกมเล่นมุกว่า นอกจากข้อเสนอที่ได้กล่าวไปแล้ว สิ่งที่อยากทำหรืออยากไป คือ “อยากไปที่ชอบ ๆ” หมายถึงอยากออกทริปมอเตอร์ไซด์ ท่องเที่ยวไปตามสถานที่ที่อยากไป แต่ไม่ใช่ความหมายอย่างที่ว่า
“ตอนนี้อยากไปที่ชอบ ๆ ไม่ใช่อยากนอนแบมือนะ แต่อยากไปทริปมอ’ไซด์” นายเนวินกล่าว