หน้าแรก news บ๋ายบาย “นักวิชาการ” ฟันธง พรรคฝ่ายค้าน “ฮุนเซน” ถึงคราวล่มสลายแล้ว

บ๋ายบาย “นักวิชาการ” ฟันธง พรรคฝ่ายค้าน “ฮุนเซน” ถึงคราวล่มสลายแล้ว

0
บ๋ายบาย “นักวิชาการ” ฟันธง พรรคฝ่ายค้าน “ฮุนเซน” ถึงคราวล่มสลายแล้ว
Sharing

ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำวิทยาลัยรัฐกิจ ม.รังสิต กล่าวถึงผลการเลือกตั้งประเทศกัมพูชาว่า ชัยชนะของพรรคประชาชนกัมพูชา ที่มีสมเด็จฮุนเซ็นเป็นหัวหน้าพรรคนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะมีแผนการวางไว้มาตั้งแต่ต้น รวมไปถึงการที่มีคนออกมาใช้สิทธิ์จำนวนถึง 80% มาจากการตระเตรียมที่ดีเช่นกัน

ฝ่ายผู้กุมอำนาจกัมพูชาสามารถกระทำได้ตามแผนทั้งหมด เนื่องจากมีอำนาจเบ็ดเสร็จ เป็นนายกรัฐมนตรี มากว่า 30 ปี ไม่ต้องสนใจสายตานานาชาติ เพราะ ได้รับการช่วยเหลือจากจีนแผ่นดินใหญ่ ขณะที่ในอนาคต ก็พร้อมยื่นไมตรีกับชาติตะวันตกผ่านบุตร 2 คนของสมเด็จฮุนเซ็นที่จบจาก ม. ชื่อดังจากตะวันตกทั้งสิ้น

ผศ. วันวิชิต กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ พรรคกู้ชาติ ของนายสม รังษี ซึ่งถูกยุบไปนั้น เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเช่นนี้แล้ว ก็น่าจะโบกมือลาสนามการเมืองกัมพูชาได้เลย

“สมเด็จฮุนเซ็น ท่านเป็นทหารในกลุ่มเขมรแดงมาก่อน แนวทางการทำงานคือรวดเร็ว เด็ดขาด การรุกจัดการฝ่ายต่อต้าน จึงกระทำอย่างไม่ให้ตั้งตัว รวมไปถึงทำอย่างเบ็ดเสร็จ ปิดโอกาสฟื้นคืน มาถึงตอนนี้ เมื่อถูกยุบพรรคไปแล้ว แถมฝ่ายสมเด็จฮุนเซ็นชนะ เท่ากับปิดฉากไปโดยปริยาย”

สำหรับโมเดลการเลือกตั้งกัมพูชา จะถูกหยิบมาใช้ที่ไทยหรือไม่ ผศ.วิชิต กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ไทย จะไม่เหมือนที่กัมพูชาแน่นอน เพราะชนชั้นกลาง และชนชั้นล่างของไทย มีความตื่นตัวทางการเมืองสูงกว่ากัมพูชา ขณะที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ยังมีอำนาจน้อยกว่าสมเด็จฮุนเซ็นมาก

การเลือกตั้งของกัมพูชา เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ครองอำนาจมายาวนานเกือบ 33 ปี ได้พยายามทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดพรรคคู่แข่ง และจะกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีกครั้งโดยไม่ต้องลุ้น

ก่อนหน้านี้ นาย สม รังสี หัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) พรรคฝ่ายค้านที่สำคัญ ถูกศาลกัมพูชาตัดสินให้มีความผิดฐานหมิ่นประมาทและฐานสมรู้ร่วมคิดในการปลอมแปลงเอกสารราชการเพื่อยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบต่อความมั่นคงของชาติ จนต้องลี้ภัยในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2015

จากนั้น มีคำสั่งยุบพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) และจับกุมนายเกิม สุกะ รองหัวหน้าพรรค ข้อหารวมหัวต่างชาติ เป็นปรปักษ์กับรัฐบาล

ขณะที่สมาชิกดังกล่าวถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี

ระหว่างนั้น มีการบังคับใช้กฎหมายหมิ่นประมาทอย่างกว้างขวาง พร้อมไปกับออกกฎหมายใหม่ ให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ “ต้องทำ” เพื่อให้ประชาชนที่คิดจะแบนการเลือกตั้ง ต้องตัดสินใจใหม่

มีการจัดซื้อหมึกที่ล้างออกลำบากกว่าหมึกทั่วไป และนำมาใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อเป็นหลักฐานทางกฎหมายว่าใครไปเลือก และใครไม่ไปเลือก

ก่อนหน้าวันเลือกตั้ง รัฐบาลสั่งปิดสำนักข่าวอิสระ เป็นการเลือกตั้งที่ไม่ได้รับการยอมรับโดยสหรัฐอเมริกา และอีกหลายชาติ


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่