ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ วิทยาลัยรัฐกิจ ม.รังสิต ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ริงไซด์การเมือง” ถึงกรณีที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน อดีตแกนนำ นปช. ได้ถอนคำสาบานต่อ “ย่าโม” เพื่อหวนสู่การเมืองร่วมกับฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยระบุว่า สังคมไทยมีคำสั่งสอนกันอยู่อย่างหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ใหญ่มักสอนและเตือนตนอยู่เสมอว่า อย่าเล่นกับคำสาบาน การสาบานแล้วมันถอนคืนไม่ได้ ขณะเดียวกันก็สามารถมองได้ว่า ขนาดคำสาบานยังกล้าถอนได้ แล้วคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ถามว่าประชาชนจะเชื่อมั่นได้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่นายนายสุภรณ์จะต้องไปแก้ไขเอาเอง
ส่วนการที่นายสุภรณ์บอกว่าจะไปสังกัดพรรคที่เป็นรัฐบาลนั้น แสดงว่านายสุภรณ์ไม่มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐ หรือ กลุ่มสามมิตร จะได้เป็นรัฐบาล หรือมุมกลับคือ อย่างไรเสีย กลุ่มที่อยู่ตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล ทั้งนี้ สิ่งที่น่าวิเคราะห์ต่อไปคือ เจ้าของพรรคพลังประชารัฐตัวจริงก็ยังไม่มีท่าทีอะไรออกมา จะมีก็แต่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรท่ามกลางเสียงของสังคมที่กังขาเรื่องมาตรฐานการทำกิจกรรมทางการเมือง เหล่านี้ตนมองว่าไม่เป็นผลดีต่อคนที่จะมาทำงานร่วมกับกลุ่มสามมิตรในอนาคต
และเมื่อกลับมาที่กรณีแรมโบ้อีสาน การผันตัวเองออกมาจาก นปช.หรือเพื่อไทย อาจเป็นยุทธศาสตร์ของคนที่ดึงแรมโบ้อีสานเข้ามา เพื่อมาเป็นแนวปะทะ หรือด่านหน้าแทนเจ้าของพลังดูดหรือไม่
ด้านความเคลื่อนไหวของนายสุภรณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา นายสุภรณ์ ระบุว่า ตัวเขาชอบรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ที่กล้าตัดสินใจพัฒนาโครงการใหญ่ๆ พร้อมตอบคำถามกรณี พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ว่า บุคคลที่จะเป็นหัวหน้าพรรคไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนเดียวกันกับบุคคลที่พรรคจะเสนอให้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ส่วนตัวเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ มีความเหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และเหมาะกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ซึ่งตนเองจะสนับสนุนเต็มที่ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาตามกติกา ของระบอบประชาธิปไตย คือต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงจะเกิดความสง่างาม และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย