นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.8 ยังเดือดร้อนจากปัญหาหนี้สินครัวเรือน ในขณะที่ร้อยละ 37.2 ไม่เดือดร้อน โดยพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.9 เป็นหนี้นอกระบบและร้อยละ 58.4 เป็นหนี้ในระบบ เช่น สถาบันการเงิน สินเชื่อ บัตรเครดิตต่างๆ และที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.3 กำลังแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนด้วยความยากลำบาก ในขณะที่ร้อยละ 35.7 ระบุยังสามารถหมุนเงินได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.1 หวังพึ่งมาตรการของรัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 15.9 ไม่หวังพึ่งอะไรจากรัฐบาลที่น่าสนใจคือ ผลสำรวจ 5 กระทรวงหลักที่แก้ปัญหาหนี้ได้ตรงจุดของประชาชน พบว่า อันดับแรก ร้อยละ 46.9 ระบุกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองลงมาคือร้อยละ 45.4 ระบุกระทรวงการคลัง ร้อยละ 41.1 ระบุกระทรวงกลาโหม ร้อยละ 35.6 ระบุกระทรวงแรงงานและร้อยละ 34.2 ระบุกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นอกจากนี้ ร้อยละ 39.2 ระบุธนาคารที่ช่วยแก้ปัญหาหนี้สินได้ตรงจุด ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รองลงมาคือ ร้อยละ 36.6 ระบุธนาคารออมสิน ร้อยละ 35.8 ระบุธนาคารอาคารสงเคราะห์ ร้อยละ 30.9 ระบุธนาคารพาณิชย์ต่างๆ โดยร้อยละ 48.7 ได้ข่าวว่าเศรษฐกิจของประเทศดี ร้อยละ 45.2 ได้ข่าวว่า เศรษฐกิจไม่ดี และร้อยละ 6.1 ไม่ได้ข่าวเมื่อถามถึงเรื่องการเมืองแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งให้มีผู้ตรวจการเลือกตั้ง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 60.4 เห็นด้วยเพราะจะช่วยทำให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมมากขึ้น แก้ปัญหาซื้อสิทธิขายเสียง ลดปัญหาโกงการเลือกตั้งลงได้ ทำให้เกิดความเชื่อมั่น เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 39.6 ไม่เห็นด้วย เพราะกระทบต่อการเลือกตั้ง เป็นเกมการเมือง เพิ่มความซับซ้อนยุ่งยาก ไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไร เป็นต้น นอกจากนี้ เกินครึ่งหรือร้อยละ 51.7 คิดว่าการแก้กฎหมายเลือกตั้งมีผลต่อการเลื่อนเลือกตั้ง แต่ร้อยละ 48.3 คิดว่าไม่มีผล
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจ ในระดับภูมิภาค รายงานข่าวเปิดเผยว่า ล่าสุด นักธุรกิจด้านการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ทำหนังสือถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ช่วยเหลือกลุ่มนักธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุเรือล่มกลางทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต โดยระบุว่า
จากเหตุการณ์เรือล่มที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 50 คน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากยกเลิกการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ และคาดว่าจะส่งผลเสียหายครั้งใหญ่กับโครงสร้างภาคการท่องเที่ยวทั้งระบบ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเป็นตลาดนักท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย เมื่อมีการยกเลิกเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงเกิดวิกฤติต่อกลุ่มธุรกิจทั้งรายใหญ่และรายเล็ก รวมทั้งธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคาร ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจทางทะเล ที่ต้องประสบกับความเดือดร้อนมาระยะหนึ่งแล้ว และคาดว่าจะเดือดร้อนรุนแรงมากยิ่งขึ้นหากรัฐบาลไม่เข้ามาช่วยเหลือให้ทันท่วงที
กลุ่มนักธุรกิจใน จ. ภูเก็ต และนักธุรกิจภาคใต้ จึงมีความเห็นร่วมกันว่ารัฐบาลควรมีนโยบายเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มนักธุรกิจ คือ
- ให้ธนาคารของรัฐปล่อยเงินกู้ระยะสั้น
- กรณีเป็นลูกค้าธนาคารของรัฐอยู่ก่อนแล้ว ให้สามารถกู้เพิ่มได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่มเติม
- ยกเว้นการชำระเงินต้น และยกเว้นการคิดดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อให้นักธุรกิจในพื้นที่มีเงินหมุนเวียนสำหรับดำเนินธุรกิจต่อไป แบ่งเบาความเดือดร้อนของภาคธุรกิจที่ประสบปัญหา และเพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของท้องถิ่น