นายสติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการสถาบันพระปกเกล้า เปิดเผยถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร ว่า ไม่น่าแปลกใจ เพราะดูจากการที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาบอกว่า กลุ่มสามมิตรไม่ใช่พรรคการเมืองก็สามารถเคลื่อนไหวได้ ซึ่งการพูดแบบนี้เป็นเสมือนการท้าทายให้กับพรรคการเมือง หรืออยากให้เขาเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะหากพรรคการเมืองเคลื่อนไหวอาจจะส่งผลร้ายต่อกลุ่มสามมิตรก็ได้ การพูดของพลเอกประวิตร เป็นการท้าทายกลุ่มการเมืองพรรคการเมือง และเปิดช่องให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือเปล่า
นายวันวิชิต บุญโปร่ง อาจารประจำวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การที่แกนนำกลุ่มสามมิตร ออกมาให้ข่าวว่ามีบิ๊กเซอร์ไพร์ส และน่าจะมีจำนวนผู้ที่สนใจมาสมัครรับเลือกตั้งในนามกลุ่มสามมิตร ในการเลือกตั้งครั้งหน้ากว่า 200 คนนั้น ก็น่าจะเป็นรายชื่อผู้สมัครมากกว่า ไม่ใช่ระดับบิ๊กเนมหรือระดับผู้สมัครเกรดเอประเภทลงแล้วได้เป็น ส.ส.แน่นอน ซึ่งการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรกระทบทุกพรรคการเมืองเพราะกลุ่มสามมิตรขับเคลื่อนโดยการนำนโยบายรัฐบาลคสช.ไปใช้ เป็นการเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมือง
กรณีที่กลุ่มสามมิตรบอกเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็รอได้นั้น ตนเชื่อว่าเพราะด้วยความพร้อมทางเศรษฐกิจของกลุ่ม ทำให้หากเลือกตั้งเลื่อนออกไปก็เปิดโอกาสให้เขาได้ไปติดต่อกับอดีต ส.ส.มากขึ้น ดังนั้น ต้องมีการยื่นตีความการเคลือนไหวของกลุ่มสามมิตร อาจจะมีผลต่อการเมืองในอนาคตได้ ซึ่งการลงพื้นที่อ้างว่าไปรับฟังปัญหา ในภาพความเป็นจริงแล้วเป็นการไปชี้แจงนโยบายมากกว่าที่จะไปรับฟังปัญหา
นอกจากนี้ กลุ่มสามมิตรยังไม่มีความชัดเจนว่าสรุปแล้วจะอยู่ในนามพรรรคประชารัฐหรือตั้งพรรคใหม่ ล่าสุดนายชวน ชูจันทร์ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ก็ออกมาให้ความเห็นว่ายังไม่ทราบว่ากลุ่มสามมิตรจะเอาอย่างไร รวมทั้งการเคลื่อนไหวที่ออกมาก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทางผู้มีอำนาจออกมาชะลอการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร เพราะจะได้ไม่เกิดความเหลื่อมล้ำทางการเมืองและพรรคการเมือง