หน้าแรก Article ปลดล็อคพรรคการเมือง “เนติบริกร” สร้างเงื่อนไขการเมืองไทย

ปลดล็อคพรรคการเมือง “เนติบริกร” สร้างเงื่อนไขการเมืองไทย

0
ปลดล็อคพรรคการเมือง “เนติบริกร” สร้างเงื่อนไขการเมืองไทย
Sharing

ถือเป็นไฟท์บังคับที่ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะล่าสุดบรรดาองคาพยพของคสช.ออกมาขานรับเรื่องการปลดล็อกพรรคการเมืองกันเป็นทิวแถว ทั้ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.  นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีและฝ่ายกฏหมายของคสช.รวมไปถึงพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช.ซึ่งถือเป็นเนิมิตรหมายที่ดีที่ประเทศจะได้สัญญาณในการกลับสู่ประชาธิปไตย

ที่เป็นเช่นนี้เพราะกระแสสังคมที่กดดันมาที่คณะคสช.ว่า ที่ผ่านมา 5 ปี ที่คสช.ประกาศเลือกตั้งมาทุกปีในแต่ละที่ต่างกรรม ต่างวาระกันไป แต่ก็มีเหตุให้จัดเลือกตั้งไม่ได้ จนมาล่าสุดที่เศรษฐกิจพังยับ ชาวบ้านคิดถึงบรรยากาศแห่งการเมือง เพราะการมีส.ส.ดีกว่าไม่มี การจัดทำผลการสำรวจความต้องการของประชาชนต่อการเลือกตั้ง ว่ามีประชาชนอยากเลือกตั้งมากถึง 77คนจากคน 100 คน หรือมากกว่า 70% ดังนั้นคสช.จึงรู้ว่าหากดึงไว้ก็จะเป็นอันตรายต่อวิกฤติศรัทธาของประชาชน จึงจำเป็นต้องออกมาขุดบ่อล่อปลาบ้าง

การปลดล็อคการเลือกตั้งจึงถูกตั้งแท่นมา แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลดปลดให้เป็นอิสระซะทั้งหมด ด้วยวิสัยของคสช.อะไรที่ยอมง่ายๆย่อมไม่มีทางแน่นอน ดังนั้นบทบาทของเนติบริการอย่างวิษณุเครืองาม ต้องสร้างอภินิหารย์ทางกกหมาย

ล่าสุด นายวิษณุออกมาเปิดเผยความคืบหน้าการเตรียมคลายล็อกให้พรรคการเมืองได้ดำเนินการเรื่องต่างๆ ว่า เรื่องนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้คุยกันมาระยะหนึ่งแล้ว โดยต้องการให้

1.พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่ เพื่อรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมได้

2.ให้ความเห็นเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งได้

3.สามารถดำเนินการเกี่ยวกับไพรมารีโหวตได้

4.ตั้งกรรมการเพื่อสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้

5.ติดต่อประสานงานกับสมาชิกได้ ส่วนข้อ

ส่วนข้อ 6.นั้น จำไม่ได้ แต่ไม่ใช่การหาเสียงเลือกตั้ง

นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เพราะด้วยวิธีคิดของคสช.จะอ้างเรื่องความมั่นคงไม่มีทางอื่น เพราะคสช.จะใช้ข้ออ้างที่ว่า หากปล่อยให้นักการเมืองหาเสียงได้ก็จะก่อให้เกิดความวุ่นวาย ดังนั้นการหาเสียงจึงยังไม่จำเป็นในช่วงนี้ คสช.ยอมคลายล็อคให้แต่บรรดานักการเมืองพรรคการก็ต้องอยู่แต่ในพรรคจะออกมาเพ่นพ่านไม่ได้เดี่ยวประเทศจะไม่สงบ ก็ไม่ต่างอะไรกับเปิดหน้าต่างให้คุยกับเพื่อนบ้านได้นั่นแหละ

กรณี  การหาเสียงนั้นไม่ง่ายเพราะรัฐธรรมนูญมีการกำหนดกติกาการหาเสียงใหม่ บรรดานักการเมืองจะขยับอะไรก็ลำบาก เพราะมีการกำหนดจุดหาเสียง มีการกำหนดป้าย และที่สำคัญรถแห่ที่มักเห็นทุกครั้งในการเลือกตั้งทางกกต.จัดหาให้ดังนั้น การให้เวลากี่วันในการหาเสียจึงไม่สลักสำคัญมากนักต่อนักการเมือง เพราะให้นานกว่านี้ก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้

ส่วนที่ทาง กกต.กางปฏิทินเบื้องต้นว่าจะสามารถออก พ.ร.ฎ.เลือกตั้งในเดือนมกราคม 2562 แล้วจัดการเลือกตั้งได้ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 นั้น เป็นสมมุติฐานของ กกต. คิดว่าไม่มีปัญหาในเรื่องของระยะเวลา เพราะสมัยที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มีเวลาเตรียมตัวเลือกตั้งแค่ 20 วัน ดังนั้นด้วยข้อกำหนดและกติกาที่หยุมหยิมนั้นอาจจะส่งผลต่อบรรดาคนรุ่นใหม่ที่อยากเข้าการเมืองก็เป็นได้

หากจะมองมาที่ พล.อ. ประยุทธ์ ที่ออกมายอมรับว่า ในการประชุม คสช.ที่ผ่านมามีการหารือเรื่องการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือสถานการณ์ ก่อนการปลดล็อคพรรคการเมืองในเดือนกันยายนนี้ เพราะหน้าที่ของเราคือการสร้างความสงบเรียบร้อยให้ประเทศ เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ฉะนั้นขึ้นอยู่กับคนหลายส่วน แต่ถ้าคนหนึ่งพยายามให้สงบ อีกคนหนึ่งพยายามให้ไม่สงบ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นใคร แต่ติดตามดูอยู่ทุกกลุ่ม ขออย่าทำให้บ้านเมืองสับสนอลหม่านก็แล้วกัน

สำหรับไพรมารีโหวตนั้น ปีแรกจะมีปัญหาหรือไม่ จะต้องแก้ไขตรงนี้ อย่างไร เพื่อให้เรียบร้อย ทำไปได้ระดับหนึ่ง เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกับกฎหมาย เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งอย่างที่ทุกคนต้องการ ให้มันสงบสุข ไม่ใช่ทุกคนมาบอกว่าเป็นหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทำให้เรียบร้อย และทำให้เลือกตั้งได้เร็วกว่านี้ ก็กฎหมายเขาเขียนมาอย่างนี้ ก็ปรับเวลาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงด้วย ผมไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร อย่าเอารัฐบาล คสช. ลงไปเป็นคู่ขัดแย้ง ไม่เช่นนั้นผมจะอยู่ตรงกลางได้อย่างไร การเมืองยังไม่ได้เริ่ม ปี่กลองเริ่มประโคมกันไปแล้ว ยังไม่ถึงยก 3 เลย” ส่วนมาตรา 44 เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขายื่นมาเมื่อไหร่ ก็เซ็นเมื่อนั้น

ประกอบการท่าทีที่ผ้อนคลายของ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวถึงกรณีการคลายล็อคทางการเมืองว่า หากมีการประชุม คสช.ครั้งต่อไป คาดว่าจะมีการหารือ และจะผ่อนคลายล็อกเป็นห้วงๆว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้ภาพรวมสามารถคุมสถานการณ์ได้ เพราะเชื่อมั่นว่ากองทะพสามารถคุมเกมได้จึงต้องปล่อยให้มีรูหายใจกันบ้าง

ถึงวันนี้บทสรุปยังไม่มีใครรู้ว่าการประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งเดือนกุมภาพัน์ 2562 จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่กระนั้นก็ตามบรรดาลูกขุนคอยพยัคฆ์ของคสช.ก็ต้องสดับฟังเสียงประชาชนด้วยเหมือนกัน หากยังดึงดันในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปด้วยเหตุผลที่ไม่สมควร ก็อาจจะส่งผลร้ายกับคสช.ก็อยากเตือนบรรดาผู้มีอำนาจว่า “อย่าล้อเล่นกับอำนาจของประชาชน”

 

วัฒนา อ่อนกำปัง รายงาน


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่