นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT กล่าวในงานแถลงข่าว 7 ปี องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)” ที่ห้องศาลาแดง โรงแรมดุสิตธานี ว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ACT ได้ปลุกกระแส ขับเคลื่อนให้คนไทย ร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านคอร์รัปชัน ที่ฝังรากลึก อยู่ในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน จากการสำรวจของหอการค้าไทย ร่วมกับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในการแถลงดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยล่าสุด พบว่า ทัศนคติ และ จิตสำนึก ต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น ของประชาชนเปลี่ยนแปลงไป โดยทนไม่ได้เมื่อพบเห็นการโกง และ ไม่ยอมรับคอร์รัปชันโดยสิ้นเชิง
นายประมนต์ กล่าวต่อว่า ผลจากการที่องค์กรและภาคีเครือข่าย ร่วมผลักดัน พบว่าในโครงการข้อตกลงคุณธรรม มีหน่วยงานเข้าร่วม 73 โครงการ มูลค่ารวม 875,428 ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้ว จำนวน 45 โครงการ มูลค่ารวม 103,839 ล้านบาท ช่วยประหยัดงบประมาณให้รัฐได้สูงถึง 25,128 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 24.20 นับเป็นความสำเร็จ ที่เกิดจากทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันทำให้เกิดการจัดซื้อจัดจ้างเกิดความโปร่งใสยุติธรรม
นายประมนต์ กล่าวย้ำว่า ตลอด 7 ปี ที่องค์กรและภาคีเครือข่าย ได้ผนึกกำลังต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชัน สร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยหลายประการ ได้แก่ เกิดเครือข่ายคนไทย ทั้งประชาชน นักธุรกิจ นักวิชาการสื่อมวลชน และ ข้าราชการ ร่วมมือต่อต้านคอร์รัปชันอย่างมีพลัง รวมทั้งช่วยปลุกกระแสให้เห็นถึงความเลวร้ายของการโกงชาติ และได้ร่วมผลักดันให้เกิดกฎหมาย เปลี่ยนแปลงกระบวนการยุติธรรมและระบบราชการ ที่รวดเร็ว เอื้อต่อการต้านโกงและเอาผิดคนโกง ที่สำคัญคือ ทำให้คนไทยไม่ยอมทน กล้าออกมาเปิดโปงการทุจริตและการโกงมากขึ้น
ทั้งนี้ นายประมนต์ ยังได้ให้คะแนน 100% ในด้านภาพลักษณ์การต่อต้านคอรัปชัน ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ในขณะเดียวกันยอมรับว่ายังมีคนรอบตัวนายกฯ ที่ยังเป็นปัญหา เนื่องจากถูกสังคมได้ตั้งข้อสงสัย โดยเฉพาะกรณีคดีนาฬิกาหรู และคดียืมเงิน 300 ล้านบาท ซึ่งทันทีที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทาง ACT ได้ยื่นหนังสือทวงถาม ไปยังป.ป.ช. และคาดว่าขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา อย่างไรก็ดี ป.ป.ช. ซึ่งมีหน้าที่ในการตอบเรื่องดังกล่าว และเชื่อว่ากระแสสังคมและสื่อมวลชน จะมีส่วนกดดันให้ป.ป.ช.มีความคืบหน้าผลการตรวจสอบปมคดีดังกล่าว
ขอบคุณ : ข่าวสด