นายกิตติ ลิ่มสกุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ภาพรวมของการเมืองของประเทศไทยคงมีการเปลี่ยนแปลงไปในระดับหนึ่ง แต่ในทางกลับกันสถานการณ์ในปัจจุบัน พรรคการเมืองและประชาชนก็รอวันที่จะมีการประกาศการเลือกตั้ง ทั้งนี้ เชื่อว่าคงเป็นไปตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศมา เพราะหากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนเวลาต้องมีเหตุผลรองรับที่ดี เพราะประชาชนต้องการการเลือกตั้งเพราะเชื่อว่าหากมีการเลือกตั้งจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ จากระบบการเลือกตั้งด้วยบัตรใบเดียวจะส่งผลให้ภาพของการเมืองเปลี่ยนไปเพราะประชาชนจะหวงแหนสิทธิของตัวเองมาก นอกจากนี้แล้วยังเชื่อว่าพรรคใหญ่ยังคงกุมความได้เปรียบ แต่ในขณะเดียวกันพรรคขนาดกลางจะก้าวเข้ามีบทบาทมากขึ้น โดยเชื่อว่าพรรคขนาดกลางอย่างพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย รวมไปถึงพรรคอนาคตใหม่ จะก้าวเข้ามาเป็นตัวสอดแทรกทางการเมืองได้พอสมควร เพราะทั้ง 3 พรรคเชื่อว่าจะมีจำนวน ส.ส.ทั้งบัญชีรายชื่อและส.ส.รวมกันมากกว่า 100 คน ดังนั้น พรรคขนาดกลางจะเป็นตัวชี้วัดอนาคตของประเทศไทย
นายกิตติ กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าในขณะนี้ทุกพรรคการเมืองรวมทั้งประชาชนพร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้ง แต่หน่วยงานที่ไม่พร้อมคือ คสช.มากกว่า เพราะคสช.ไม่เชื่อว่ากลุ่มสามมิตรจะสร้างฐานให้ได้ อีกทั้งในทางการเมืองก็ไม่เชื่อว่าสามมิตรจะได้จำนวน ส.ส.เป็นกอบเป็นกำ ดังนั้น เมื่อผลการประเมินของ คสช.ออกมาแบบนี้ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่คสช.จำต้องหาทางออก ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่าสุดท้ายทั้ง คสช.และพรรคการเมืองก็อาจจะมีการดีลกันเพื่อหาทางลงให้กับ คสช.ในที่สุด