นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย กล่าวในงาน “เหลียวหลังแลหน้าสถาบันพระปกเกล้ากับประชาธิปไตยไทย” เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี สถาบันพระปกเกล้า ว่า จนถึงขณะนี้ต้องมาดูว่า ประชาธิปไตยของไทยมีการพัฒนาไปมากแค่ไหน เพราะหากประเทศไม่เป็นประชาธิปไตยมันเดินต่อไม่ได้ แต่ในขณะนี้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเมืองยังไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ แต่กระนั้นก็ตามทุกพรรคการเมืองต้องมีการเตรียมความพร้อม เพราะเชื่อมั่นว่าหากมีการเปิดให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม ก็จะพบว่าเป็นช่วงเวลาที่กระชั้นชิดมาก รวมทั้งมีช่วงเวลาให้พรรคการเมืองและผู้สมัครส.ส.หาเสียงน้อยมาก
ในฐานะตนเป็นสมาชิกของพรรคภูมิใจไทย อยากบอกว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคของประชาชนทุกคน และทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง พรรคภูมิไทยส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งทุกครั้ง เพราะการเป็นพรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง เพราะไม่งั้นจะเป็นพรรคการเมืองไปทำไม เพราะเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันในการบริหารจัดการพรรค เชื่อมั่นว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค สามารถที่จะพาพรรคก้าวไปในหนทางแห่งประชาธิปไตยอย่างแน่นอน พรรคภูมิใจไทยมีอายุ 10 ปี ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร นอกจากนี้ กรณีที่จะมีคนไปฟ้องว่าพรรคทำผิดกฏหมาย ก็ขอเรียนว่าไม่เป็นความจริง เพราะพรรคยังหาสมาชิกไม่ได้ ที่สำคัญภูมิใจไทยทำตามกฎหมายแน่นอน ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคขนาดกลาง และพร้อมที่จะยอมรับผลการตัดสินใจของประชาชน ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่พรรคภูมิใจไทยยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทุกมิติของการเมือง
นายสรอรรถ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการบริหารราชการแผ่นดินหลังการเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่ยากมากเพราะรัฐบาลต้องเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กำหนดไว้ ดังนั้น การดำเนินการต่างๆเป็นเรื่องที่ยากมาก ในการทำนโยบายนั้นก็ยากมาก เพราะกกต.จะต้องมาดูว่านโยบายนี้ทำได้หรือไม่
ในส่วนของการทำงานงบประมาณแผ่นดิน 2562 จำนวน 3 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการผ่านงบประมาณที่รวดเร็วมาก แสดงให้เห็นว่าขาดความละเอียดและการตรวจสอบ นอกจากนี้แล้วในการดำเนินการนั้น พรรคการเมืองต้องทำงานควบคู่ไปกับข้าราชการประจำด้วย
นายสรอรรถ ระบุอีกว่า การปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ได้ก่อให้เกิดการพัฒนาบ้านเมืองเลย ในทางตรงกันข้ามเป็นการติดหล่มมากกว่า ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ดังนั้น การเลือกตั้งจึงเป็นทางออกเดียวของสังคม ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการพูดถึงการเลือกตั้งกันอย่างมากมาย ประชาชนอยากเห็นเลือกตั้ง แต่คสช.ยังไม่ยอมที่จะคลายอำนาจมากนัก จึงไม่ยอมที่จะปลดล็อกการเมืองง่ายๆ ส่งผลให้เกิดปัญหากับพรรคการเมืองมากมาย นอกจากนี้ ในการเลือกตั้งก็ไม่ง่ายกว่าอย่างที่คาดกันไว้ มีการออกระเบียบและกฏเกณฑ์ต่างๆแบบหยุมหยิม คุมแม้กระทั่งการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งรัฐบาลให้กระทรวงดิจิทัล ออกระเบียบมาควบคุมแล้ว ดังนั้น ภาพรวมที่ออกมาจึงไม่ง่ายอย่างที่คิด รวมทั้งด้วยปัญหาต่างๆมากมาย เกรงว่าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ จะไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ รวมทั้งการหาเสียงเวลาน้อยมาก ผลที่ออกมาจึงยังไม่สามารถประเมินได้
“ตนอยากเห็นทุกพรรคยอมรับผลการเลือกตั้งที่จะออกมา รวมทั้งให้การยอมรับพรรคอันดับ 1 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล อย่ามีการตีรวน จนนำไปสู่ความขัดแย้งอย่างทีผ่านมา ดังนั้น ทุกพรรคต้องยอมรับการตัดสินใจของประชาชน และยอมรับในกติกาของประชาธิปไตย” นายสรอรรถ กล่าวในที่สุด