ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ สถาบันพระปกเกล้า เปิดเผยพฤติกรรมการเลือกตั้งของคนไทยว่า ตอนนี้การตัดสินใจจะยากกว่าสมัยก่อนที่บัตรเลือกตั้งมี 2 ใบ สามารถเผื่อใจ “เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ” ได้ แต่ว่าตอนนี้ คนจะคอยดูกระแสว่า หัวหน้าพรรคเป็นใคร ผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีจากค่ายต่างๆเป็นใคร ถ้าหากผู้นำพรรคมีความสูสีกัน คนก็จะไปตัดสินที่ตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต ขณะเดียวกัน เมื่อดูแล้วว่า ผู้นำพรรคที่เสนอตัวมาเป็นนายกฯมันมีความต่าง ประชาชนก็มีแนวโน้มจะเลือกเป้าใหญ่คือการเลือกนายกรัฐมนตรี แล้วมองว่า ส.ส.เขตจะเป็นใครก็ได้
ดร.สติธร ยังระบุอีกว่า คนที่เชื่อเรื่องการซื้อเสียงวิเคราะห์กันว่าต่อไปนี้การซื้อเสียงจะมากขึ้น ทั้งจำนวนเงินและพื้นที่ในการแจก อย่างไรก็ตาม ฝากเตือนคนที่เงินเยอะเหลือเฟือว่า จำนวนเงินซื้อเสียงที่สูง ไม่ได้เป็นปัจจัยชี้ขาดการแพ้-ชนะเลือกตั้งแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน การแบ่งเขตเลือกตั้งที่เปลี่ยนไป ย่อมส่งผลต่อการแข่งขันในพื้นที่อย่างแน่นอน หากเป็นจังหวัดที่พรรคชนะทั้งจังหวัด ตรงนี้ไม่มีปัญหา แต่หากเป็นจังหวัดที่แข่งกันหลายพรรค การแบ่งเขตที่ไปเฉือนพื้นที่ฐานเสียงของพรรคใดพรรคหนึ่ง ย่อมส่งผลต่อคะแนนเสียงตามมา
“เหล่านี้คือผลที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันโดยใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวที่สร้างความดุเดือดในสนามเลือกตั้ง ยกตัวอย่างคือกรณีการไปร้องให้ กกต.เอาผิดพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อต้องการกำจัดคู่แข่ง เราจะเห็นบรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้นกับทุกพรรค” ดร.สติธรกล่าว