นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดเผยถึงภาพรวมการเลือกตั้งตามระบบการเลือกตั้งบัตรใบเดียว ว่า การเลือกตั้งโดยระบบจัดสรรปันส่วนผสม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้นักการเมืองปรับตัวเข้าหาประชาชนมากขึ้น โดยที่ผ่านมาประชาชนสามารถเลือกคนที่รักเลือกพรรคที่ชอบได้ และพรรคการเมืองต้องปรับตัวเพื่อนำเสนอนโยบายที่ดีที่สุด รวมทั้งผู้สมัครทุกพรรคต้องลงพื้นที่เก่งทำงานต่อเนื่อง ทิ้งพื้นที่ไม่ได้ งานบวช งานแต่ง งานศพ ต้องเห็นหน้าส.ส.ในพื้นที่ด้วย
การหาเสียงรูปแบบใหม่ส่งผลให้พรรคการเมืองต้องสั่งลูกพรรคลงพื้นที่มากที่สุด เพราะด้วยระบบการหาเสียงรูปแบบใหม่ จะทำให้ส.ส.เก่าได้เปรียบ คนใหม่ที่จะมาลงพื้นที่ต้องทำพื้นที่หนักมาก ในขณะเดียวกันส.ส.คนไหนทิ้งพื้นที่ก็อาจจะสอบตกได้ เพราะระบบบัตรใบเดียวประชาชนเป็นคนกำหนดว่าจะให้ใครเป็นส.ส.และพรรคไหนเป็นรัฐบาล เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ส.ส.เลือกอีกพรรคแต่ปาตี้ลิสร์ให้อีกพรรค ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้าเชื่อว่าพรรคการเมืองคงแข่งขันกันหนักทั้งนโยบายและตัวบุคคล
นายโอฬาร กล่าวต่อว่า นโยบายที่พรรคการเมืองต้องดำเนินการคือนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของชนชั้นล่าง เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาขนได้รับผลกระทบมาก ดังนั้นการกำหนดนโยบายต้องเอื้อให้กับประชาชน แต่อยากให้ทุกพรรคทำนโยบายที่ยั่งยืน ดูแลประชาชนไปในระยะยาว ดูภาพรวมทั้งมหภาพ ทั้งหนี้สินการศึกษา ที่ดินทำกิน ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร หากพรรคการเมืองไหนที่สร้างนโยบายที่สามารถตอบตอบสนองความต้องการให้กับประชาชน ก็มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง
นายโอฬาร มองว่า ภายหลังการเลือกตั้ง เชื่อว่าพรรคใหญ่ยังคงมีโอกาสในการเลือกตั้ง พรรคขนาดกลางอย่าง พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ก็เป็นตัวแปรสำคัญภายหลังการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันพรรคที่ตั้งขึ้นมาใหม่ น่าจะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลควรที่จะมีเสียงสนับสนุนรวมกันไม่ว่าจะกี่พรรคก็ตาม จำเป็นที่จะต้องมีจำนวนส.ส.มากกว่า 250 คนขึ้นไป เพื่อความมั่นคงของรัฐบาล