ตีกิน แปลว่า การฉวยเอาประโยชน์จากสิ่งที่ตนไม่ควรได้รับ …
เสียงอ่อยไปเรียบร้อยกับเจ้าของฉายา “แรมโบ้อีสาน” นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ที่ล่าสุดลดระดับจากจ้องยุบพรรคภูมิใจไทย สู่การขอให้ผู้ใหญ่ในพรรคสีน้ำเงินป้องปรามผู้สนับสนุนพรรค
เรื่องของเรื่องต้องนับย้อนไปในวันที่ 3 กันยายน
นายสุภรณ์ เดินหน้าลุย “แนวหนุน” พรรคภูมิใจไทย พื้นที่นครราชสีมา ว่าด้วยเรื่องของการ “ว่าจ้าง” อสม. ไปเก็บบัตรประชาชน รอสมัครสมาชิกพรรค ผิดกฎหมายพรรคการมือง มาตรา 30 โทษโหดถึงยุบพรรค
มาตรา 30 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยทางตรง หรือโดยทางอ้อมเพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิก ทั้งนี้ เว้นแต่สิทธิหรือประโยชน์ซึ่งบุคคล จะพึงได้รับในฐานะที่เป็นสมาชิก”
ก่อนที่เรื่องจะโอละพ่อภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
เพราะเทคโนโลยีการสื่อสาร ทำให้ “ความจริง” จากอีกฝ่าย ไปถึงสื่อและสาธารณะชนได้อย่างรวดเร็ว ชนิดที่แรมโบ้เอง ก็ตั้งตัวไม่ทันว่าเกมจะพลิกเร็วขนาดนี้
ไม่ทันครบ 1 วัน หลังจากที่แรมโบ้ เปิดศึกปล่อยหมัดใส่พรรคสีน้ำเงิน
4 กันยายน ช่วงสาย สังคมก็ได้มีโอกาสฟังข้อมูลจากอีกฝ่ายทันที
นายพรชัย อำนวยทรัพย์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขต อ.ครบุรี ออกมาบอกว่า ตน และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล คือฝ่ายที่ถูกกล่าวหา
แต่มั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการรวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนตน และนายวีรศักดิ์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีจุดมุ่งหมายเพื่อไปยืนยันกับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาทำไพรมารีโหวต เพราะพรรคภูมิใจไทยมีตัวเลือกมาก แต่ละคนล้วนต้องแข่งขันกันยืนยันความนิยมของตัวเอง
ทั้งนี้ ตนและนายวีรศักดิ์ ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่ไม่เกี่ยวกับพรรค
ประเด็นนี้ หากความผิดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
ในวันเดียวกัน “เรื่อง” ถูกทำให้กระจ่างโดยนางทองย้อย เชิดครบุรี ประธาน อสม.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านใหญ่ อ.ครบุรี ยืนยันว่า ข้อมูลของนายสุภรณ์เป็นเรื่องที่คลาดเคลื่อน ข้อเท็จจริงชาวบ้านได้รู้จักมักคุ้นกับนายพรชัย
ก่อนหน้านี้ นายพรชัย ได้มาพบปะ อสม. บอกเล่าว่า ต้องการลงสมัคร สส.เขต เพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้กับชาวบ้าน และสอบถามชอบพรรคไหนที่สุด คำตอบส่วนใหญ่อยากให้ลงสมัครพรรคภูมิใจไทย
แต่ทุกคนทราบดีว่าเพื่อให้เป็นตัวเลือกของพรรค ผู้สนับสนุนต้องช่วยกันผลักดันนายพรชัย จึงร่วมกันลงชื่อหนุน ขณะที่กลุ่มแม่บ้านที่รักชอบพอนายพรชัย พากันตระเวนใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายบัตร และให้ลงลายมือสนับสนุน แต่ก็มาเป็นข่าวทางลบ
ขอให้ กกต. พิจารณาให้ความเป็นธรรมด้วย
เท่ากับว่างานนี้ อสม. มาด้วยใจ
“ความไม่ผิด” ดังกล่าว ได้รับการตอกย้ำในช่วงเย็นของวันนั้น
นายศิริชัย วิริยพงษ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ยังไม่มีการประกาศใช้ พฤติกรรมของนายพรชัยจึงถือว่าไม่เป็นความผิด
“ความไม่ผิด” ถูกทำให้เด่นขึ้น ในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 4 กันยายน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า
ทุกพรรคการเมืองสามารถทำได้ ไม่มีอะไรผิดปกติ กระบวนการหาสมาชิกไม่ได้ยุ่งยาก เดินคุยกันก็ไม่มีปัญหา …ลำพังแค่หาสมาชิกเตรียมไว้นั้น ทำได้”
จบเรื่องจบราว
เกมพลิก ใน 24 ชั่วโมง
นี่คือพลังของโลกโซเชียล ซึ่งเป็นสื่อสำคัญในนิยามแห่ง 4.0 ที่ “แรมโบ้” มิทันได้ตระหนัก
แต่นับจากนี้ สิ่งที่ต้องลุ้นคือ “ชะตากรรม” ของแรมโบ้อีสาน ว่าเส้นทางการเมืองของผู้ชายคนนี้จะเป็นอย่างไร เพราะอย่าลืมว่า “แรมโบ้” ได้สร้างรอยแค้นให้กับพรรคภูมิใจไทย ในทางการเมืองแล้ว มิได้ต่างจากแหย่หนวดเสือ
ล่าสุด ฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทยเตรียมฟ้องกลับนายสุภรณ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนกับนักการเมืองทั่วทุกสารทิศว่า ด้วยสังคมเข้าสู่ยุคออนไลน์เต็มรูปแบบ ประชาชนมีอำนาจในการเข้าถึงข่าวสารข้อมูลอย่างรวดเร็ว หมดเวลาเล่นการเมืองสไตล์ฉาบฉวย ให้ข่าวหวัง “ตีกิน” ฝากรอยแผลให้คู่แข่ง
เพราะสุดท้าย “ความซวย” จะมาเยือน
Ringsideการเมือง