ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ประจำวิทยาลัยรัฐกิจ ม.รังสิต กล่าวหลังจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ข่าวว่าจะปลดล็อกการเมืองช่วงเดือนธันวาคม 2561 ว่า
การปลดล็อก หมายถึง ให้แต่ละพรรคการเมืองหาเสียงได้ สาเหตุที่ คสช. ดำเนินการในเดือนธันวาคม ทั้งที่สามารถดำเนินการได้เร็วกว่านั้น ก็เพื่อรอดูความแน่นอนทางการเมือง ป้องกันไม่ให้ 4-5 ปีที่ผ่านมาเป็นความพยายามที่สูญเปล่า
คสช.ต้องหาทางไปต่อหลังการเลือกตั้ง เพราะถ้าหากกลุ่มอื่นเข้ามาแทน มีความเป็นไปได้ที่โครงการทั้งหลายที่กำลังดำเนินอยู่ อาทิ เรถไฟความเร็วสูง โครงการ EEC อาจเป็นไม่เป็นไปตามแผน หรืออาจะจะถูกแอบอ้างเป็นผลงานของฝ่ายอื่น นี่คือกรอบคิดเบื้องต้น
ผศ.วันวิชิต กล่าวต่อว่า แต่แผนการกลับมาหลังเลือกตั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกลุ่มสามมิตร ที่เชื่อว่าเป็นนั่งร้าน คสช. มีสภาพไม่สู้ดี แผนเจาะยางพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้ผล เพราะ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ไหลออก ตามที่หลายคนคิด ถึงวันนี้ แนวหนุนพลเอกประยุทธ์ อาจมีใจออกห่างจากกลุ่มสามมิตรก็เป็นไปได้
สำหรับกลุ่มสามมิตร จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียกความมั่นใจกลับคืนมา สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ในพื้นที่ต่างๆ สมาชิกของกลุ่มสามมิตรไล่ดิสเครดิทเพื่อน อาทิ ล่าสุด ในพื้นที่นครราชสีมา คุณสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย เพราะทราบดีว่าพรรคเพื่อไทย มีความเข้มแข็ง ส่วนพรรคภูมิใจไทยกำลังขึ้นมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญ การจัดการพรรคเพื่อไทยเป็นเรื่องยากเพราะฐานเสียงเข้มแข็ง ดังนั้นจึงจ้องทำลายพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้เหลือคู่แข่งในพื้นที่ให้น้อยที่สุด
“การกระทำเช่นนี้ มันสะท้อนว่ากลุ่มสามมิตร กำลังแผ่ว และทำทุกวิถีทางเพื่อให้อยู่ในสายตาผู้มีอำนาจ โดยไม่ได้สนใจอนาคตว่าฝ่ายที่ถูกกระทำเขาจะรู้สึกอย่างไร ถ้าสามมิตรยังเล่นการเมืองแบบนี้ ในวันที่ต้องการเสียงสนับสนุนจากพรรคอื่น เขาจะพบกับความผิดหวัง”